svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คึกคักวันหยุด นทท.แห่กิน "ทุเรียนสาลิกา" ถึงในสวนที่อำเภอกะปง

วันหยุดสุดคึกคัก นักท่องเที่ยวแห่กิน "ทุเรียนสาลิกา" ถึงในสวนที่ อ.กะปง จ.พังงา พร้อมพารู้จักทุเรียนพันธุ์นี้ที่ได้ชื่อว่า ราชาของทุเรียนบ้านเบอร์ 1 ภาคใต้ และเปิดคำแนะนำในการกินทุเรียนให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ ตามแบบฉบับแพทย์แผนจีน

3 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ที่สวนลุงประภาส อ.กะปง จ.พังงา ซึ่งเป็นสวนทุเรียนสาลิกา ได้เคยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดทุเรียนสาลิกาของจังหวัดพังงา และเป็นหนึ่งในสวนที่ได้รับเครื่องหมาย G.I. และมาตรฐาน GAP

โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมสวน เพื่อลิ้มชิมรสของทุเรียนสาลิกาถึงในสวน โดยมีลุงประภาส รอต้อนรับพร้อมเล่าเรื่องราวของทุเรียนสาลิกา และแกะทุเรียนให้ชิมฟรีกันแบบจุกๆ ก่อนจะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนจะบอกมามากินทุเรียนสาลิกาถึงในสวนที่อำเภอกะปงนั้นเข้าถึงรสชาติของทุเรียนสาลิกาอย่างแท้จริง 
คึกคักวันหยุด นทท.แห่กิน "ทุเรียนสาลิกา" ถึงในสวนที่อำเภอกะปง
คึกคักวันหยุด นทท.แห่กิน "ทุเรียนสาลิกา" ถึงในสวนที่อำเภอกะปง ขณะที่บรรยากาศของแผงขายทุเรียนสาลิการิมถนนของเกษตรกรนั้น ก็มีความคึกคักไม่แพ้กัน มีนักท่องเที่ยวหมุนเวียนมาซื้อกันตลอดทั้งวัน ทำให้ขายดีกันทุกร้าน ขณะที่ราคาจะอยู่ที่ ทุเรียนตัดกิโลละ 200-300 บาท ทุเรียนหล่นกิโลละ 150-190 บาท และเกษตรกรได้ฝากบอกว่าขอให้คนที่ชอบกินทุเรียนสาลิการีบสั่งซื้อกิน เพราะปีนี้ผลผลิตมีน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากเหตุฝนแล้งยาวนานกว่าปกติ

นายประภาส หรือ ก๋งซิ่น เล่าว่า ทุเรียนสาลิกา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "เรียนสากา" นับว่าเป็นราชาของทุเรียนบ้านเบอร์ 1 ภาคใต้ เป็นทุเรียนที่หลายคนต่างรอคอยที่จะลิ้มรสชาติในทุกๆ ปี โดยทุเรียนสาลิกามีแหล่งกำเนิดอยู่ในพื้นที่อำเภอกะปง ของจังหวัดพังงา เป็นทุเรียนที่มีรสชาติหวานมัน และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญาเมื่อปี 2561 และผู้ที่ชื่นชอบทุเรียนจะมีคำพูดว่า "ถ้ามาพังงาแล้วไม่ได้กินทุเรียนสากา เหมือนมาไม่ถึงเมืองพังงา" 

คึกคักวันหยุด นทท.แห่กิน "ทุเรียนสาลิกา" ถึงในสวนที่อำเภอกะปง ทุเรียนสาลิกา มีลักษณะผลค่อนข้างกลม เปลือกผลบาง หนามสั้นและค่อนข้างถี่ ผลดิบเปลือกจะมีสีเขียวเข้ม เมื่อผลแก่สีจะอ่อนลงเล็กน้อย และมีสีน้ำตาลอ่อนบริเวณร่องพู เมล็ดภายในส่วนใหญ่จะลีบ ขนาดเล็กเกือบทั้งหมด รสชาติหวานมัน และมีความหวานมากกว่าทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ เนื้อทุเรียนมีสีเหลือง เนื้อหนา ละเอียด ไม่มีเส้นใย เนื้อแน่น ไม่เละ มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แต่ไม่ฉุน น้ำหนักต่อผลโดยเฉลี่ยประมาณ 1-2.5 กิโลกรัม 

และที่สำคัญทุเรียนสาลิกาพันธุ์ของแท้ดั้งเดิมที่ปลูกในพื้นที่อำเภอกะปง บริเวณตรงกลางแกนเปลือกทุเรียนจะมีสีสนิมแดงทุกผล ซึ่งแตกต่างจากทุเรียนพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็น "ราชาทุเรียนบ้าน"  

ฤทธิ์ของทุเรียนในทางแพทย์แผนจีน

สำหรับในทางแพทย์แผนจีน "ทุเรียน" เป็นผลไม้ที่มีรสหวาน เผ็ด ฤทธิ์ร้อน สามารถบำรุงม้าม เพิ่มชี่ (ลมปราณ) บำรุงไต เพิ่มหยาง และความอุ่นให้กับร่างกาย เหมาะกับคนที่ร่างกายอ่อนแอ เลือดและลมปราณน้อย เนื่องจากเนื้อทุเรียนอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ดังนั้น จึงมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีก อาทิ

  • ใยอาหาร ในทุเรียน ช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้ดี
  • ทุเรียนมี เบต้าแคโรทีน ซึ่งสารอาหารชนิดนี้มีส่วนช่วยบำรุงสายตา
  • ทุเรียนอุดมไปด้วย โฟเลต เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
  • ทุเรียนมี สารต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาของนักวิจัยสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร

เปิดคำแนะนำในการกิน "ทุเรียน" ให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ ตามแบบฉบับแพทย์แผนจีน

เนื่องจากทุเรียนในทางแพทย์แผนจีนจัดเป็นผลไม้ฤทธิ์ร้อน ถ้าบริโภคมากเกินความจำเป็น จะทำให้ร่างกายสะสมความร้อนไว้มากเกินไป ซึ่งจะส่งผลต่างๆ ตามมา เช่น จะร้อนใน เจ็บคอ เป็นแผลในปาก ท้องผูก เป็นต้น ดังนั้น ผู้ที่มีพื้นฐานสุขภาพค่อนไปทางร้อน และหยินพร่อง ควรรับประทานทุเรียนอย่างพอเหมาะ

ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมอนามัย แนะนำว่าไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ดกลาง เนื่องจากการกินทุเรียน 4-6 เม็ด เทียบเท่ากับการดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง (พลังงานประมาณ 400 กิโลแคลอรี) จึงทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินควร เลยไม่ควรรับประทานทุเรียนเกินวันละ 2 เม็ด ไม่กินถี่ทุกวัน และลดอาหารกลุ่มข้าวแป้ง รวมถึง ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสหวานจัด หรือมันจัด เพื่อที่จะได้รับพลังงานในปริมาณที่ไม่เกินกว่าร่างกายต้องการ

นอกจากเนื้อทุเรียนแล้ว ยังรวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากทุเรียน เช่น ทุเรียนทอด ทุเรียนกวน ไอศกรีมรสทุเรียน ด้วย

หากรับประทานมากติดต่อกันหลายๆ วัน ก็จะทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งเราควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย จึงจะได้ทั้งความอิ่มอร่อยและสุขภาพดีอย่างไม่ต้องกังวลกับปัญหาสุขภาพที่จะตามมาภายหลัง



ขอบคุณข้อมูลจาก :
“ทุเรียน” กินอย่างไรไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ในมุมมองของแพทย์จีน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
กรมอนามัย  
แพทย์จีนพรฟ้า อนันต์ไพศาล แพทย์แผนจีนประจำศูนย์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่