svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

แพทย์ดังเตือน แก่แล้วกินยาแก้แพ้อาจสมองพัง แนะให้พิจารณาความจำเป็น-ขนาดของยา

21 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“หมอธีระวัฒน์” หมอดื้อ แพทย์ดังโพสต์ให้ความรู้ ด่งยความห่วงใยปชช. ใจความระบุว่า แก่แล้วกินยาแก้แพ้ อาจทำให้สมองพัง แนะนำต้องพิจารณาความจำเป็นและขนาดของยาที่ใช้และระยะเวลาที่ใช้เป็นหลักสำคัญ

อีกหนึ่งความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชนชาวไทย ล่าสุด หมอดื้อ หรือ น.พ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพว่าด้วย ยาแก้แพ้ ...พร้อมเตือนดังๆ "แก่แล้วกินยาแก้แพ้ อาจสมองพัง" เนื้อหาในโพสต์ระบุไว้ดังนี้ 

แก่แล้วกินยาแก้แพ้ อาจสมองพัง

 

 

แพทย์ดังเตือน แก่แล้วกินยาแก้แพ้อาจสมองพัง แนะให้พิจารณาความจำเป็น-ขนาดของยา

ยาแก้แพ้ แก้เวียน เมารถ เมาเรือ ยาหดหู่ ซึนเศร้า ยาลดปัสาวะบ่อย ยาเหล่านี้นอกจากเรื่องแพ้ เวียนหัว บ้านหมุน ยังนำมาใช้เป็นยานอนหลับเฉพาะกิจ และยังมีสรรพคุณลดอาการสั่นที่เจอในโรคพาร์กินสันได้ดีพอสมควร

* ฤทธิ์สำคัญคือต้านระบบ Cholinergic (Anti-cholinergic, AC) ดังนั้น อาจมีปากแห้ง น้ำลาย น้ำตาแห้งร่วม บางรายที่มีปัญหาเรื่องปัสสาวะ ก็อาจจะต้องเบ่ง และอาจมีผลกระทบเรื่องความดันสูงในลูกตา โดยเฉพาะคนเป็นต้อหิน

 

แพทย์ดังเตือน แก่แล้วกินยาแก้แพ้อาจสมองพัง แนะให้พิจารณาความจำเป็น-ขนาดของยา

แพทย์ดังเตือน แก่แล้วกินยาแก้แพ้อาจสมองพัง แนะให้พิจารณาความจำเป็น-ขนาดของยา

 

* มีการจัดอันดับความแรง (Anticholinergic burden score) เป็น 1-2-3 โดยแรงมากคือ เบอร์ 3 ที่ถูกจัดเป็นแรงมาก เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้เวียน Chlorpheniramine Dimenhydrinate (Dramamine) Diphenhydramine (Benadryl) Meclizineยาอารมณ์ดีด้านเศร้า เช่น doxepin nortriptyline ยาช่วยอาการปัสสาวะลำบากหรือผิดปกติรวมทั้งช้ำรั่ว เช่น Darifenacin Oxybutynin Tolterodine (Detrusitol) Trospium Solifenacin

 

เริ่มอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2005 มีการตั้งข้อสังเกตว่า ยากลุ่มต่างๆที่มีฤทธิ์ AC นี้จะมีผลทำให้สมองเฉื่อยชาไม่แล่น

 

การศึกษามาจากกลุ่ม Alzheimer’ s Disease Neuroimaging Initiative (วารสารสมาคมแพทย์อเมริกันทางประสาทวิทยาปี 2016) ทั้งนี้ มีกลุ่มในการศึกษาที่ไม่ได้ใช้ยากลุ่มต้าน Cholinergic (แทนด้วย AC-) 350 ราย และกลุ่มที่ใช้ยา AC ในระดับฤทธิ์ 2 และ 3 (AC+) 52 ราย ลักษณะประจำกลุ่มที่คล้ายคลึงกันคือ อายุเฉลี่ย 73 ปี ผู้ชาย ผู้หญิงใกล้เคียงกัน ระดับการศึกษาพอกัน มียีนอัลไซเมอร์ (28% AC+ เทียบกับ 25% ใน AC-) เป็นคนขาว (84.6 ต่อ 94.2%)

ปริมาณชนิดของยาที่ใช้ประจำใกล้กัน ทั้งสองกลุ่มนี้มีไม่มากนักที่เคยเป็นอัมพฤกษ์ โรคหัวใจ หรือเคยผ่าตัดหัวใจ เส้นเลือด หรือเป็นเบาหวาน รวมทั้งเป็นโรคนอนกรน อากาศไม่เข้าสมอง (ซึ่งอาจสุ่มเสี่ยงสมองเสื่อม) หัวใจเต้นระริก AF ซึ่งจะมีลิ่มเลือดไปอุดเส้นเลือดสมอง โรคซึมเศร้า กังวล นอนไม่หลับ รวมทั้งสมาธิสั้น โรคจิต และอุบัติเหตุสมอง

ที่มีเยอะใกล้กันทั้ง 2 กลุ่มคือ มีความดันสูง ไขมันสูง ประมาณกึ่งหนึ่ง และทั้งสองกลุ่มถนัดขวาเป็นส่วนมาก
 

แพทย์ดังเตือน แก่แล้วกินยาแก้แพ้อาจสมองพัง แนะให้พิจารณาความจำเป็น-ขนาดของยา

การติดตามสมองมีทั้งการประเมินพุทธิปัญญา (Cognitive scores) การตรวจดูเมตาบอลิซึมของสมองด้วยเครื่อง PET scan (FDG) ดูการใช้กลูโคสของสมอง รวมทั้งดูความเหี่ยวฝ่อของสมอง โดยใช้คอมพิวเตอร์สมองสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

โดยมีการวัดขนาดปริมาตรของสมองแต่ละส่วนอย่างละเอียดเป็นระยะ

จากการติดตาม 96 เดือน ผลปรากฏว่า กลุ่ม AC+ มีความฝ่อของสมองทั้งปริมาตร เปลือกสมองและบริเวณกลีบขมับ (ควบคุมความจำ) และเนื่องจากสมองฝ่อเลยทำให้มีช่องโพรงน้ำในสมองกว้างขึ้น (Lateral และ Inferior lateral ventricle volumes) รวมทั้งมีการทำงานถดถอยจากการตรวจสมองด้วย PET Scan การตรวจทางพุทธิปัญญามีทั้งความจำ การทำงานด้านการจัดการ (Executive) พบมีคะแนนเลวกว่ากลุ่ม AC- โดยเฉพาะกลุ่ม AC+ ที่ใช้ยาแรงระดับ 3 กลไกของยา AC ไม่ทราบแน่ชัด

จะอย่างไรก็ตาม ยาแก้แพ้รวมยากลุ่มอื่นๆทางปัสสาวะและช้ำรั่ว ยาอารมณ์ดี เป็นยาสำคัญและมีประโยชน์

ดังนั้น ต้องพิจารณาความจำเป็นและขนาดของยาที่ใช้ และระยะเวลาที่ใช้

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ายาสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ที่เพิ่มสาร Acetylcholine จะสามารถทำให้ให้เซลล์สมองเปล่งปลั่ง ตายช้า ตายยากได้นะครับ อาจเป็นคนละเรื่องเดียวกัน!!

แพทย์ดังเตือน แก่แล้วกินยาแก้แพ้อาจสมองพัง แนะให้พิจารณาความจำเป็น-ขนาดของยา
ขอขอบคุณที่มา >> ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha

 

logoline