svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

กวดวิชาแบบไหนถึงจะถูกใจประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กวาดล้างการทุจริตของเหล่า "เสือและแมลงวัน" ที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ 1.34 ล้านคน ทั้งยังยังลามไปถึงวงการไอทีและวงการบันเทิง และล่าสุดยังลามไปถึงวงการการศึกษาด้วย

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2565 รัฐบาลจีนภายใต้ร่มเงาของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กวาดล้างการทุจริตของเหล่า "เสือและแมลงวัน" ที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ 1.34 ล้านคน ทั้งระดับบนและระดับล่างถูกปลด นอกจากนี้ยังลามไปถึงวงการไอทีและวงการบันเทิง ซึ่งเป้าหมายที่คือบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง แจ็ค หม่า และฟ่าน ปิงปิง และล่าสุดการกวาดล้างได้เข้าสู่วงการการศึกษาแล้ว 

เป็นที่รู้กันดีว่าเด็กเรียนเรียนกันหนักมาก เวลาเข้าเรียนไม่ต่างจากเด็กทั่วโลก แต่เวลาเลิกเรียนของพวกเขาคือ 4 ทุ่ม เพราะมีการแข่งขันสูง ตั้งแต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือ เกาเข่า ไปจนถึงการแย่งกันหางานดี ๆ ทำ จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่นักเรียนจีนจะต้องมีตัวช่วยอย่างการเรียน "กวดวิชา" พวกพ่อแม่ก็พยายามทุ่มไม่อั้นเพื่อดันให้ลูกได้เข้าศึกษาในสถาบันชั้นนำ สร้างรายได้และผลกำไรมหาศาลให้กับโรงเรียนกวดวิชาที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด จากสถิติเมื่อปี 2563 พบว่า มีโรงเรียนกวดวิชาในจีนมากถึง 4 แสนแห่ง 

กวดวิชาแบบไหนถึงจะถูกใจประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

แต่นับจากนี้ไปการเปิดสอนกวดวิชาทั้งหลาย จะถูกจัดระเบียบและปราบปรามอย่างเข้มงวด หลังจากประกาศเมื่อปี 2561 ที่ห้ามโรงเรียนกวดวิชาที่ไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีใบอนุญาตเปิดดำเนินการไม่ได้ผลตามเป้าหมาย กลับพบว่าพ่อแม่กับติวเตอร์ได้รวมหัวกัน หาสารพัดวิธีมาหลีกเลี่ยงกฎระเบียบ โรงเรียนกวดวิชาบางแห่งถึงขั้นมีบริการจัดครูไปสอนพิเศษถึงบ้าน ที่ทำรายได้เดือนละ 30,000 หยวน (ราว 147,000 บาท) 

การตบตายังมีอีกสารพัดวิธีบังหน้า เช่น บริการทำความสะอาดบ้าน เปิด "ค่ายฤดูร้อน" หรือ การเดินทางไป "ทัศนศึกษา" แต่นับจากนี้ไปพวกโรงเรียนกวดวิชาเพื่อผลกำไรทางธุรกิจ จะโดนไล่เช็คบิลภายใต้นโยบายเพื่อลดความกดดันของเด็ก ลดภาระทางการเงินของผู้ปกครอง และความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย 

กวดวิชาแบบไหนถึงจะถูกใจประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

นับจากนี้ไปสถาบันกวดวิชาเอกชนที่ "ไม่ถูกระเบียบ" จะต้องถูกปรับในวงเงินที่สูงถึง 100,000 หยวน (ราว 489,600 บาท) และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป กระทรวงศึกษาธิการระบุว่า สถานที่ให้บริการกวดวิชาในวิชาตามหลักสูตรของโรงเรียน จะต้องได้รับใบอนุญาตและจ้างครูที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเท่านั้น และห้ามจัดการเรียนการสอนตามสถานที่ไม่ได้จดทะเบียน เช่น อาคารที่พักอาศัย โรงแรม ร้านกาแฟ รวมถึงการติวออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Video Conference, หรือคอร์สการสอนแบบสตรีมมิ่ง (live-streaming courses) 

เว็บไซต์กระทรวงศึกษาธิการระบุว่า เราจำเป็นต้องปรับปรุงกรอบทางกฎหมาย สำหรับการกวดวิชาหลังเลิกเรียน และชี้แจงความรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสร้างมาตรฐานในการปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับการเรียนการสอนนอกสถาบันการศึกษา ทำให้ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ ขณะเดียวกันก็ปกป้องผู้ที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

กวดวิชาแบบไหนถึงจะถูกใจประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

การกวาดล้างครั้งนี้ถูกมองว่า ได้ทำลายอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายสิบล้านหยวน ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจต้องปิดตัวลงอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตกงาน เพราะที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ซึ่งเป็นชนชั้นกลาง ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ต่างพากันเชื่อว่าการกวดวิชา คือหนทางที่นำพาให้บุตรหลานของพวกเขาได้เปรียบในโรงเรียน ทำให้มีโอกาสที่จะมีชีวิตและสถานะทางสังคมที่ดีขึ้น 

หลังรัฐบาลออกมาตรการ ก็มีโรงเรียนกวดวิชามากกว่า 100,000 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตภายใต้นโยบายนี้ โดยปรับปรุงการทำธุรกิจด้วยการลดค่าเล่าเรียน และปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของรัฐบาลในด้านคุณสมบัติ ครูผู้สอนและเนื้อหาการสอน แต่ด้วยตัวเลขของโรงเรียนที่ได้รับอนุญาต เมื่อเทียบกับสัดส่วนของนักเรียนแล้ว ก็ยังอยู่ในภาวะที่ต้อง "ยื้อแย่ง" กันอยู่เหมือนเดิม