น้ำท่วมใหญ่ในภาคตะวันออกของลิเบียผ่านพ้นมานานหนึ่งสัปดาห์แล้ว นับจากพายุ “แดเนียล” พัดถล่มเมื่อวันที่ 10 กันยายน ทำให้เกิดฝนตกหนัก จนเขื่อน 2 แห่งแตก ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมเมืองเดอร์นา กระแสน้ำสูงราว 7 เมตรซัดหลายหมู่บ้านพังราบลงไปอยู่ในทะเล ทำให้เมืองถูกแบ่งเป็นสองฝั่งและกลายเป็นทะเลโคลน
เสี้ยววงเดือนแดงของลิเบีย รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตราว 11,300 ราย และผู้สูญหายอีกราว 10,100 ราย ขณะที่องค์การอนามัยโลก รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตที่อย่างน้อย 3,958 ราย และผู้สูญหายมากกว่า 9,000 ราย และสหประชาชาติ ประเมินว่า มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 40,000 ราย ผู้ประสบภัยเหล่านี้กำลังต้องการน้ำสะอาด อาหาร ที่พักอาศัยและสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐาน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากอหิวาตกโรค โรคท้องร่วง ภาวะขาดน้ำ และภาวะทุพโภชนาการ
ส่วนการประเมินความเสียหายเบื้องต้น พบว่า อาคารราว 1,500 แห่งจากเกือบ 6,142 แห่งในเมืองเดอร์นา โดยเกือบ 900 หลังพังย่อยยับ ส่วนที่เหลือได้รับความเสียหายบางส่วน หรือ จมอยู่ใต้กองโคลน
ความเสียหายอย่างหนักด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะถนนทำให้ยากที่ความช่วยเหลือจะเข้าไปถึงเมืองเดอร์นา และความแตกแยกทางการเมืองที่ทำให้มี 2 รัฐบาลควบคุมพื้นที่ฝั่งตะวันออกและตะวันตกของประเทศตั้งแต่ปี 2557 หลังการโค่นล้มอดีตผู้นำเผด็จการโมอัมมาร์ กัดดาฟี ในปี 2554 ก็เป็นอุปสรรคยิ่งขึ้นต่อการบริหารจัดการความช่วยเหลือกู้ภัยและบรรเทาทุกข์
ฝนถล่มทำให้เขื่อน 2 แห่งบนแม่น้ำวาดี เดอร์นา ซึ่งไหลจากภูเขาผ่านเมืองเดอร์นาก่อนลงสู่มหาสมุทรเมดิเตอเรเนียนรองรับน้ำไม่ไหว และพังทลาย ทำให้มวลน้ำราว 30 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักท่วมเมืองเดอร์นา ที่มีประชากรราว 100,000 คน ซัดบ้านเรือนหลายหมู่บ้านพังราบและไหลลงสู่ทะเล
ปกติเขื่อนที่อยู่ตอนบนมีความจุ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนอีกแห่งที่อยู่ตอนล่างสามารถกักเก็บน้ำได้ 22.5 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนทั้ง 2 แห่งขาดการซ่อมบำรุงตั้แต่ปี 2002 นอกจากนี้เคยมีรายงานเตือนว่า เขื่อนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงอาจเกิดน้ำท่วม และจำเป็นต้องมีการซ่อมบำรุงตามรอบระยะเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะจากน้ำท่วม
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก บอกว่า ความสูญเสียชีวิตอาจหลีกเลี่ยงได้ หากลิเบีย ที่อยู่ในภาวะการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองของรัฐบาล 2 ฝ่ายมานานทศวรรษ มีสำนักงานอุตุนิยมวิทยาที่ทำงานได้อย่างปกติ ก็อาจสามารถออกคำเตือนภัย และหน่วยบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินอาจสามารถดำเนินการอพยพประชาชนได้
ขณะที่ความช่วยเหลือทั้งทีมค้นหากู้ภัย แพทย์ และสิ่งของบรรเทาทุกข์จากนานาชาติทยอยหลั่งไหลเข้าสู่ลิเบียแล้ว และสหประชาชาติประกาศขอระดมเงินช่วยเหลือมากกว่า 71 ล้านดอลลาร์ ซึ่งขณะนี้มีการจัดส่งน้ำ อาหาร เตนท์ ผ้าห่ม อุปกรณด้านสุขอนามัย ยาและเวชภัณฑ์ และเครื่องผ่าตัดฉุกเฉิน ตลอดจนเครื่องจักรหนักเพื่อเคลียร์เศษซาก และถุงใส่ศพไปยังลิเบียแล้ว รวมถึงมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ประสบภัยเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บและผู้ป่วย