ประชากรกว่า 100 ล้านคน ทั่วพื้นที่มิดเวสต์, นอร์ธอีสต์และเซาธ์อีสต์ ของสหรัฐฯ กำลังตกอยู่ภายใต้การแจ้งเตือนคุณภาพอากาศ ในขณะที่ควันไฟที่ก่อให้เกิดหมอกพิษสีส้มจากแคนาดา เข้าปกคลุมน่านฟ้าในหลายเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก, บอสตัน, วอชิงตัน ดีซี, ชาร์ลอตต์, ดีทรอยต์ และอินเดียนาโพลิส
เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นพบว่า เมืองเอกของรัฐเดลาแวร์, แมรีแลนด์ และเวอร์จิเนีย ล้วนเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายระดับสูงสุด จากการที่พื้นที่มากกว่า 9 ล้านเอเคอร์ในแคนาดา ถูกไฟเผาทำลายในปีนี้มากกว่าพื้นที่เผาไหม้ตามปกติถึง 15 เท่า และนครนิวยอร์กมีดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 484 เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในระดับอันตราย (hazardous) และเป็นระดับสูงสุดของเมืองนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960
ด้านสำนักงานบริหารการบินพลเรือน หรือ FAA ได้ออกคำสั่งห้ามเที่ยวบินที่จะเข้าสู่สนามบิน ลา การ์เดีย ในนครนิวยอร์กขึ้นบินจากต้นทางจนถึง 14.00 น. ของวันพุธ และเที่ยวบินทั้งหมดที่จะเข้าสู่สนามบินนวร์ก ลิเบอร์ตี อินเตอร์เนชั่นแนล ในรัฐนิวเจอร์ซี ถูกเลื่อนเวลาขึ้นบินจากต้นทางจนถึง 23.59 น. ของวันพุธ และข้อมูลจาก FlightAware พบว่า จนถึงค่ำวันพุธ สายการบินในสหรัฐฯ ยกเลิกเที่ยวบิน 149 เที่ยว และเลื่อนเที่ยวบินล่าช้า 3,992 เที่ยว
โครงการสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ ได้เตือนตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจำนวนไฟป่าจะเพิ่มขึ้น 14% ภายในปี 2576 และเพิ่มเป็น 30% ในปี 2593 และโลกจะต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกับไฟ