เขื่อนโนวา คาคอฟกา ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซียในแคว้นเคอร์ซอนของยูเครน ได้รับความเสียหายจากการโจมตีในเช้ามืดวันอังคาร (8 มิถุนายน 2566) ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมเมืองและหมู่บ้าน 30 แห่งริมแม่น้ำดนีโปร และบ้านเรือนเกือบ 2,000 หลังในเมืองเคอร์ซอนถูกน้ำท่วม โดยทั้งยูเครนและรัสเซียกล่าวหาว่าเป็นการโจมตีของอีกฝ่าย
โฆษกกองบัญชาการภาคใต้ของกองทัพยูเครน เปิดเผยว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลจำนวนมากที่ถูกฝังในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียในเคอร์ซอน ลอยตามกระแสน้ำกลายเป็นทุ่นระเบิดลอยน้ำแล้ว และสร้างความเสี่ยงอันตรายอย่างมาก เพราะอาจเกิดระเบิดขึ้นเมื่อทุ่นระเบิดชนกับเศษซากต่าง ๆ
นอกจากนี้หน่วยบริการฉุกเฉินยูเครนเตือนผ่านเทเลแกรมให้พลเมืองเฝ้าระวังวัตถุระเบิดที่อาจซัดลอยตามกระแสน้ำที่ไหลทะลักจากเขื่อน โดยอย่าเข้าใกล้หรือสัมผัสวัตถุระเบิด
ขณะเดียวกันเอริก ทอลเลฟเซน หัวหน้าแผนกการปนเปื้อนจากอาวุธของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เตือนว่า ทุ่นระเบิดที่ลอยไปตามน้ำทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นอันตรายทั้งต่อประชาชนในเคอร์ซอน และเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เพราะไม่อาจระบุตำแหน่งของทุ่นระเบิดแล้ว และคาดว่าอยู่แถวปลายน้ำจากเขื่อน
คำเตือนของทอลเลฟเซนมีขึ้นขณะ ICRC เปิดตัวโดรนรุ่นใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการระบุตำแหน่งทุ่นระเบิดและเศษชิ้นส่วนวัตถุระเบิดจากสงครามด้วยความร้อนที่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งวันหนึ่งอาจนำไปใช้ในยูเครน เขาบอกด้วยว่า ICRC ใช้เวลาหลายเดือนในการช่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดในยูเครน ด้วยการจัดทำแผนที่และเครื่องหมายระบุตำแหน่งของทุ่นระเบิด และฝึกฝนและจัดหาอุปกรณ์ให้ แต่เวลานี้กระแสน้ำซัดทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและทุ่นระเบิดต่อต้านรถถังหลุดลอยไปที่ไหนไม่รู้ และ ICRC ไม่รู้ว่ามีทุ่นระเบิดจมน้ำหรือซัดลอยไปจำนวนเท่าใด เพราะที่ผ่านมาไม่มีฝ่ายใดระบุว่าฝังทุ่นระเบิดไว้เท่าใด แต่รู้ว่ามีจำนวนมาก
ขณะที่สถานการณ์ระดับน้ำท่วมในบางพื้นที่ของเคอร์ซอนวัดได้สูง 5.34 เมตร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อคืนวันพุธ มีการประเมินว่า ประชาชน 17,000 คน ในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีโปร ที่อยู่ในการควบคุมของยูเครน และอีก 25,000 คน ในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำที่อยู่ในการควบคุมของรัสเซีย จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและควรอพยพออกจากพื้นที่
จนถึงขณะนี้มีประชาชน 1,700 คน ได้รับการอพยพออกจากบ้านเรือนในฝั่งของยูเครน และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซียควบคุมพื้นที่ที่รัสเซียยึดครอง เปิดเผยว่า ประชาชน 1,200 คน ได้รับการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว