
ประชาชนชาวฝรั่งเศสหลายแสนคนเข้าร่วมการเดินขบวนในวันแรงงานซึ่งมีขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้มุ่งเน้นจุดประสงค์ไปที่การต่อต้านการปฏิรูประบบเงินบำนาญของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ที่เพิ่มอายุบำนาญจาก 62 ปี เป็น 64 ปี
แม้ว่าผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเดินขบวนกันด้วยความสงบ แต่ก็มีบางส่วนที่พยายามก่อเหตุความรุนแรง เช่นการขว้างระเบิดน้ำมัน การจุดพลุ ทุบทำลายกระจกร้านค้า โดยเฉพาะการประท้วงที่เกิดขึ้นนอกกรุงปารีส เช่นในเมืองลียงและเมืองน็องต์ พบว่ามีการใช้ความรุนแรง รถยนต์บางคันถูกจุดไฟเผา สถานประกอบการหลายแห่งได้รับความเสียหาย
จากเหตุจลาจลที่เกิดขึ้น ทำให้ตำรวจตัดสินใจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูง บานปลายการเป็นการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงและเจ้าหน้าที่ ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 108 นาย ตำรวจบางนายบาดเจ็บสาหัสทั้งที่มือและใบหน้าจากระเบิดเพลิงของผู้ประท้วง บางนายถูกเปลวไฟลุกท่วมตัวจนล้มลงไปกับพื้น ส่วนเจ้าหน้าที่คนอื่นๆต้องพยายามช่วยดับไฟ ขณะที่ผู้ประท้วงยังคงขว้างดอกไม้ไฟและอาวุธอื่นๆ ในระหว่างการปะทะกัน
ไม่มีรายงานแน่ชัดว่าฝ่ายของผู้ประท้วงมีผู้บาดเจ็บเท่าไหร่ แต่มีประชาชนราว 200 คนที่ถูกจับกุมภายในวันเดียว นับเป็นการประท้วงตามธรรมเนียมของวันแรงงานที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี
การประท้วงของชาวฝรั่งเศสทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่ผ่านมา เมื่อรัฐบาลตัดสินใจใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ บังคับใช้กฎหมายผ่านสภาล่างโดยปราศจากการลงคะแนนเสียง ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของประชาชนจำนวนมาก
แม้รัฐบาลได้ให้คำมั่นว่าจะมีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฏหมายฉบับนี้ แต่สหภาพแรงงานยังยืนยันว่าพวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะประท้วงต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะยกเลิกการปฏิรูปดังกล่าว ด้านมาครงกล่าวว่าการปฏิรูปบำนาญคือสิ่งจำเป็น และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน