อังกฤษและสหรัฐประกาศเมื่อวานว่า ได้พานักการทูตออกจากซูดานเรียบร้อยแล้ว ส่วนฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลีกำลังเริ่มกระบวนการขนคนออกจากซูดานเช่นกัน หลังจากเกิดเหตุต่อสู้กันอย่างรุนแรง เพื่อช่วงชิงอำนาจระหว่างกองทัพและกองกำลังกึ่งพลเรือนที่ทรงอิทธิพลในซูดาน
ทางการสหรัฐระบุว่า ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ชีนุกจำนวน 3 ลำไปรับเจ้าหน้าที่ทูตและครอบครัวไม่ถึง 100 คน ออกมาจากกรุงคาร์ทูมเมื่อเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น เป็นปฏิบัติการที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น
สถานทูตอเมริกาประจำกรุงคาร์ทูมจึงอยู่ในสภาพถูกปิดชั่วคราว ส่วนการรับพลเรือนอเมริกันออกมาด้วยเป็นการส่วนตัว ทางการสหรัฐบอกว่า ยังทำไม่ได้ เพราะไม่ปลอดภัยเพียงพอ
ด้านรัฐบาลอังกฤษก็พานักการทูตและครอบครัวออกมาจากซูดานได้สำเร็จแล้วเช่นกัน เป็นปฏิบัติที่ซับซ้อนและรวดเร็ว โดยรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษบอกว่า ยังเหลือทางเลือกที่จำกัดมากๆ ในการจะอพยพคนอังกฤษที่เหลือออกมาด้วยทั้งหมด
ขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสยืนยันว่า เครื่องบินได้มาถึงประเทศจิบูตีแล้ว เพื่อรับคนฝรั่งเศสและชาติอื่นๆ ออกมาด้วยพร้อมกัน ซึ่งก็มีพลเมืองของเนเธอร์แลนด์จำนวนหนึ่ง เดินทางออกจากกรุงคาร์ทูมด้วยเครื่องบินของฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ก็หวังจะขนคนออกมาอีกในช่วงเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น
ส่วนกองทัพเยอรมนี ระบุว่า เครื่องบินชุดแรกสามลำได้เดินทางออกจากซูดานแล้ว มุ่งหน้าไปจอร์แดน มี 101 คน อยู่บนเครื่อง ด้านอิตาลีและสเปนอยู่ระหว่างอพยพผู้คน ขณะที่นายกรัฐมนตรีของแคนาดา ระบุว่า รัฐบาลแคนาดาได้อพยพเจ้าหน้าที่ทูตออกมาแล้วเช่นกัน
การอพยพคนต่างชาติออกจากซูดานชุดแรกเกิดขึ้นเมื่อวาน โดยกว่า 150 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ รวมถึงอียิปต์ ปากีสถาน และแคนาดา ได้รับการอพยพออกมาทางทะเล โดยเดินทางมายังเมืองท่าเจดดาห์ ของซาอุดิอาระเบีย
มีรายงานว่า ระบบอินเตอร์เน็ตเกือบล่มโดยสมบูรณ์แล้วที่ประเทศซูดาน ทั้งที่หลายฝ่ายพยายามประสานงานเร่งช่วยเหลือคนต่างชาติที่ยังติดค้างอยู่ในกรุงคาร์ทูมและเมืองอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนต่างชาติจำนวนมาก จากแอฟริกา เอเชีย และตะวันออกกลาง
การช่วงชิงอำนาจกันระหว่างกองทัพสองกลุ่ม ส่งผลให้เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงในกรุงคาร์ทูม แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง และดูท่ากองทัพสองฝ่ายที่เป็นคู่อริก็เห็นชอบด้วย แต่ท้ายสุด ข้อตกลงก็ล่มไม่เป็นท่า ซึ่งก็รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงนานสามวัน ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวอีดิลฟิตรี ของชาวมุสลิม ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์
องค์การอนามัยโลก คาดว่า มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 400 คนแล้วจากการสู้รบครั้งนี้ แต่เชื่อว่า ยอดผู้เสียชีวิตน่าจะสูงกว่านี้ เพราะมีหลายคนที่ไปไม่ถึงโรงพยาบาล และอีกหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ได้รับบาดเจ็บ โรงพยาบาลส่วนใหญ่ในกรุงคาร์ทูมต้องปิดชั่วคราวจากการสู้รบที่เกิดขึ้น
สหประชาชาติเตือนว่า มีประชาชนสูงถึง 2 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง หนีออกจากซูดานไปหาที่ปลอดภัยในประเทศชาด