บางคนออกจากบ้านก็แค่ตอนไปซื้อของกินของใช้ หรือร่วมกิจกรรมบางโอกาส แต่ในขณะที่อีกหลายคน ขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน ไม่ยอมออกมาเลย พฤติกรรมเช่นนี้ ได้รับการบันทึกไว้ในญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 ทางการญี่ปุ่นแสดงความวิตกในปัญหานี้ ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่แล้ว แต่การระบาดของโควิด ยิ่งทำให้ปัญหาร้ายแรงหนักขึ้น
สำนักงานครอบครัวและเด็กของรัฐบาลญี่ปุ่น ได้สำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน พบว่า มีประชาชนอายุระหว่าง 15 ถึง 64 ปี จำนวน 2% ที่มีพฤติกรรมตัดขาดจากสังคม หรือเกือบ 1 ล้าน 5 แสนคน สาเหตุหลักๆ มาจากการตั้งครรภ์ ตกงาน เจ็บป่วย เกษียณ และมีความสัมพันธ์กับคนอื่นไม่ค่อยดีนัก แต่ประเด็นหลักๆ คือ การระบาดของโควิด ซึ่งกว่า 1 ใน 5 ของผู้ถูกสำรวจ อ้างว่า เป็นปัจจัยทำให้พวกเขามีวิถีชีวิตแบบนี้
แม้ญี่ปุ่นเปิดพรมแดนให้คนต่างชาติได้เข้ามาเที่ยวอีกครั้ง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังคุมเข้มพรมแดนหนักหน่วงในช่วงกว่า 2 ปีที่โควิดระบาด แต่ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมากนัก การระบาดของโควิดทำให้ปัญหาสังคมในญี่ปุ่นเลวร้ายหนักขึ้น เช่น ปัญหาคนเหงา การถูกตัดขาดจากสังคม และความยากลำบากทางการเงิน โน้มนำไปสู่การฆ่าตัวตายที่พุ่งสูง รวมถึงการก่อเหตุรุนแรงกับเด็กและคนในครอบครัว
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า คนส่วนใหญ่คิดว่า การตัดขาดตัวเองจากสังคม เป็นผลมาจากปัญหาทางจิต เช่น ซึมเศร้าและความวิตกกังวล แต่ประเด็นทางสังคมก็มีส่วนเช่นกัน เช่น คติความเชื่อแบบเก่าๆ และวัฒนธรรมการทำงาน
และอันที่จริง ปัญหาการตัดขาดตัวเองจากสังคมในญี่ปุ่น มันก็มีมานานก่อนโควิดระบาดเสียอีก โดยเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นๆ เช่น วิกฤติจำนวนประชากรในญี่ปุ่นที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับจากเศรษฐกิจบูมในช่วงทศวรรษที่ 1980 อัตราการเจริญพันธุ์และตัวเลขเด็กเกิดใหม่ร่วงต่ำเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันมาหลายปี
ตัวเลขคนแก่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกับอัตราการเกิดใหม่ ทำให้ญี่ปุ่นมีคนในวัยใช้แรงงานน้อยลง จนสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นถึงกับเตือนว่า ประเทศใกล้จะรักษาความสมดุลทางสังคมไว้ไม่ได้แล้ว การที่ผู้คนตัดขาดจากสังคม ยังโน้มนำไปสู่ปัญหาที่ว่า คนในวัย 50 แต่ยังต้องพึ่งพาการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ในวัย 80
ปัจจัยอื่นที่เข้ามาข้องเกี่ยวก็เช่น ตัวเลขคนอยู่เป็นโสดมีมากขึ้น การแต่งงานและออกเดทมีน้อยลง ผู้คนหันไปพึ่งพาการพูดคุยในชุมชนออนไลน์แทนที่จะออกมาเจอกันตัวเป็นๆ
รัฐบาลญี่ปุ่นจึงแก้ปัญหาด้วยให้หน่วยงานระดับประเทศและท้องถิ่น เสนอบริการหลากหลาย เช่น การให้คำปรึกษาและไปเยี่ยมบ้านผู้ที่มีพฤติกรรมตัดขาดจากสังคม สนับสนุนการจัดหาบ้านให้คนแก่และวัยกลางคน แต่ทั้งหมดนี้ ก็ไร้ผล ในช่วงที่โควิดระบาด