
ชาวจีนที่ทะลักเข้าไปใน สปป.ลาว ได้ทำให้เกิดสภาวะที่ "ยากจะแข่งขัน" ของนักธุรกิจและผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่น เพราะต้องเจอกับคู่แข่งที่ได้เหนือกว่าในทุกด้านทั้งเรื่อง "เงินทุน" และ "ประสบการณ์" ที่เข้ามาแย่งชิงลูกค้าไป จากการประเมินอย่างเป็นทางการในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีชาวจีนเข้าไปตั้งรกรากที่ สปป.ลาว ประมาณ 7,500 คน ส่วนใหญ่เข้ามาหลังการเปิดบริการรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์ ที่เชื่อมระหว่าง สปป.ลาวกับจีน เพื่อนบ้านที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2564
แม้ตอนเปิดตัวโปรเจกต์สร้างทางรถไฟความเร็วสูง จะมาพร้อมกับคำสัญญาที่ว่า สปป.ลาว ที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกมากขึ้น แต่ความจริงที่เกิดขึ้นบนความสัมพันธ์ทางการค้า คือ จีนส่งออกเครื่องจักร, ชิ้นส่วนรถยนต์, อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าอุปโภค แต่ในทางกลับกันการส่งออกของ สปป.ลาว ไปยังจีน กลับเผชิญอุปสรรคจากนโยบายควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดที่ชายแดนจีน ขณะที่ปัจจุบัน บรรดาเจ้าของธุรกิจใน สปป.ลาว พากันร้องเรียนว่า "สิ่งที่ส่งออกจากจีน" (Chinese export) ที่ผลักดันให้พวกเขาต้องเจอการแข่งขันที่สูงขึ้นในประเทศตัวเอง ก็คือ "คนจีน" (Chinese people)
เจ้าของกิจการชาวลาวคนหนึ่งบอกว่า พ่อค้าชาวจีนเข้ามาแข่งขันกับพ่อค้าชาวลาว ทำให้พ่อค้าชาวลาวมีรายได้ลดลง พ่อค้าชาวจีนเข้าไปครองตลาดส่วนใหญ่ในประเทศ เพราะทุนหนาและมีความรู้ความสามารถในการทำการค้าที่เหนือกว่าพ่อค้าชาวลาวมาก ซึ่งก่อนที่จะเกิดการไหลทะลักมีบริษัทจีนเข้าไปเปิดใน สปป.ลาว 31 แห่ง กับโปรเจกต์ที่จีนลงทุนอีก 20 แห่ง ในกรุงเวียงจันทน์ แต่ก็มีชาวจีนที่ไปเปิดกิจการเองและเข้าสู่ภาคส่วนที่เคยเป็นของชาวลาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เกสต์เฮาส์, ร้านอาหารและร้านขายของชำ และในขณะที่ธุรกิจของชาวจีนกำลังเฟื่องฟู ธุรกิจของชาวลาวก็เริ่มหดตัวลงเรื่อย ๆ ในหลายพื้นที่ของกรุงเวียงจันทน์
เจ้าของกิจการอีกคนหนึ่งบอกว่า ร้านค้าที่ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและอาหารในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นของพ่อค้าชาวจีนและเวียดนาม ส่วน พ่อค้าชาวลาวส่วนใหญ่ถูกบีบให้ออกไปขายที่ตลาดนอกเมือง ส่วนพ่อค้าชาวจีนกับชาวเวียดนามครองตลาดในเมือง นอกจากนี้พ่อค้าชาวจีนยังใช้วิธีทำการค้าในชุมชนของตัวเองใน สปป.ลาว เพื่อรักษาผลกำไรให้อยู่แต่ในชุมชนของตัวเอง
พวกพ่อค้าชาวจีนก็อ้างว่า การเข้าไปทำธุรกิจของพวกเขาเป็นการแข่งขันที่เท่าเทียมกัน เพราะทำตามกฎระเบียบเดียวกัน ทุกร้านจ่ายค่าธรรมเนียมและภาษีนำเข้าเช่นเดียวกับร้านค้าของชาวลาว ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใด ๆ แต่พ่อค้าชาวลาวระบุว่า ยังไงชาวจีนก็ได้เปรียบพวกเขาอยู่ดีเพราะค่าเงินหยวนสูงกว่าค่าเงินกีบหลายเท่า โดยแม้อัตราค่าเช่าพื้นที่จะเท่ากันแต่ค่าเงินทำให้ชาวจีนได้เปรียบ โดยเฉพาะพื้นที่ในตลาดที่เวียงจันทน์
นักวิชาการชาวลาวคนหนึ่งบอกว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการชาวจีนได้ส่งผลกระทบต่อ สปป.ลาว ทั้งทางบวกและทางลบ การลงทุนของจีนช่วยพัฒนาเมือง ด้านกระทรวงการวางแผนและการลงทุนของ สปป.ลาว ระบุว่ามีโปรเจกต์ที่เปิดตัวใน สปป.ลาว แล้ว 933 โปรเจกต์ นับตั้งแต่ปี 2558 คิดเป็นมูลค่าราว 16,400 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้รวมทั้งเส้นทางรถไฟ ถนนทางหลวงและเขื่อน แต่ในทางลบคือพ่อค้าชาวลาวไม่สามารถแข่งขันกับพ่อค้าจีนได้ และพวกเขากำลังเสี่ยงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ