การเดินทางถึงนครนิวยอร์กครั้งนี้ เป็นแค่การแวะเปลี่ยนเครื่องของประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน ซึ่งเป้าหมายที่แท้จริง คือ การเยือนอเมริกากลาง แต่นางก็อาจจะได้พบกับ เควิน แม็คคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในช่วงขากลับ
ด้านจีนก็กล่าวประณามการพบปะกันที่อาจเกิดขึ้น โดยบอกว่า ถ้ายังเดินหน้ากิจกรรมนี้ ก็อาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรง แค่อนุญาตให้ผู้นำไต้หวันมาเหยียบสหรัฐ ก็ถือเป็นการทำลายอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนแล้ว ขณะที่สหรัฐมองว่า จีนไม่ควรตื่นตระหนกเกินไป
โฆษกความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว บอกว่า สหรัฐหวังที่จะได้เห็นการแวะเปลี่ยนเครื่องของผู้นำไต้หวันเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีเหตุการณ์ใดใดเกิดขึ้น
โดยย้ำว่า ไช่อิงเหวินแวะเปลี่ยนเครื่องที่สหรัฐเป็นครั้งที่ 7 แล้ว นับจากนางดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีไต้หวัน จึงถือเป็นเรื่องปกติมาก และผู้นำไต้หวันคนก่อนๆ ก็เคยแวะเปลี่ยนเครื่องที่สหรัฐ
เหตุผู้นำไต้หวันแวะเปลี่ยนเครื่องที่สหรัฐมีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1994 และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 29
ประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน เดินทางมาถึงนิวยอร์กเมื่อวาน เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งก็มีทั้งกลุ่มผู้ประท้วงและกลุ่มผู้สนับสนุนมารวมตัวกันหน้าโรงแรมที่นางพักอยู่
หลังจากนั้น ผู้นำไต้หวันจะบินต่อไปยังกัวเตมาลาและเบลิซในสัปดาห์นี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในอเมริกากลาง ก่อนจะเดินทางกลับมาที่สหรัฐอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะผ่านมาทางนครลอสแองเจลิส และอาจจะได้พบปะกับผู้นำทางการเมืองระดับอาวุโสของสหรัฐ ส่วนกำหนดการกลับไต้หวันมีขึ้นในวันที่ 7 เมษายน
ไต้หวันมองว่า ตัวเองเป็นรัฐอธิปไตย แต่จีนกลับมองไต้หวันว่า เป็นมณฑลที่แยกตัวออกไป ท้ายสุดจะต้องกลับมารวมกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งก็ยังไม่เพิกถอนความเป็นไปได้ที่อาจใช้กำลังบีบให้ไต้หวันมารวมประเทศด้วย
การเยือนอเมริกากลางของผู้นำไต้หวันมีขึ้น หลังจาก ฮอนดูรัส อดีตพันธมิตรไต้หวัน หันไปผูกสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน จึงทำให้เหลือแค่ 13 รัฐบาลทั่วโลกที่ให้การยอมรับไต้หวันว่า เป็นประเทศ
ปัจจุบัน ไต้หวันมีรัฐธรรมนูญเป็นของตัวเอง มีผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มีทหารประมาณ 3 แสนคน ในกองกำลังติดอาวุธ และแม้สหรัฐจะไม่มีการผูกสัมพันธ์กับไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่มีกฎหมายสามารถจัดหาอาวุธให้ไต้หวันป้องกันตนเองได้