การเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในไทย ไม่เพียงสำคัญต่อคนไทยจำนวนมาก ที่อยากเห็นรัฐบาลกึ่งทหารถึงคราวจบสิ้นในไทยเสียที แต่ยังสำคัญต่อ ผู้ลี้ภัย และ ผู้อพยพชาวเมียนมา กว่า 1 ล้าน 5 แสนคน ที่อยู่ในประเทศไทย พวกเขาหวังว่า "รัฐบาลไทยชุดใหม่" จะช่วยยุติการสนับสนุน รัฐบาลทหารเมียนมา
นักวิจัยชาวเมียนมา ที่อยู่ในไทยบอกว่า ถ้าพรรคฝ่ายค้านในไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ก็มีแนวโน้มจะสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในเมียนมา และอาจถึงขั้นร่วมมือกับสหรัฐ ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา แต่ตอนนี้เธอยังวิตกว่า "จีน" ซึ่งสนับสนุน นายพลมิน อ่อง หล่าย จะกดดันรัฐบาลไทยชุดใหม่ไม่ให้ทำเช่นนั้น
ปัจจุบันมีกลุ่มเคลื่อนไหว นักศึกษา นักข่าว และนักการเมืองจากเมียนมา หนีเข้ามาอยู่ไทยเป็นจำนวนมาก พวกเขาหวั่นเกรงว่าจะถูกส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจถูกจับไปขังคุกหรือทรมาน เพราะรัฐบาลทหารของไทยกับรัฐบาลทหารเมียนมา ดุจดั่งพี่น้องกัน
เธอยังบอกว่าไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศ ที่ยังคงมีสายสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างเหนียวแน่น ทั้งยังมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน เช่น การขุดเจาะก๊าซในทะเลอันดามัน ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิวัติเมียนมาให้เป็นประชาธิปไตย
นักวิเคราะห์มองว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่มีต่อเมียนมาเสียใหม่ ไทยจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลชุดใหม่ที่มีคุณภาพภายใต้การนำที่ต่างออกไป เพื่อรับมือกับเมียนมาที่ใกล้จะล้มละลายเต็มที
จุดยืนของไทยที่มีต่อเมียนมาขณะนี้ ถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ตัวเองในสายตาประชาคมโลก ไทยกับเมียนมามีพรมแดนติดกันเป็นทางยาว ไทยคงไม่อยากเห็นเมียนมาแตกแยกเป็นรัฐเล็กรัฐน้อย ตอนนี้กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมากำลังรุกคืบ ไทยควรเข้าร่วมกับพวกเขา ควรเปิดช่องส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไป
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังสงสัยว่ารัฐบาลไทยชุดใหม่ จะกล้าท้าทายกองทัพไทยที่มีสายสัมพันธ์แนบชิดกับรัฐบาลทหารเมียนมาหรือไม่
ผู้นำในไทยควรตระหนักได้แล้วว่า "เมียนมาเป็นต้นเหตุของหลายปัญหาในไทยขณะนี้" ทั้งยาเสพติด อาชญากรรมพุ่งพรวด คลื่นผู้อพยพ และการปล่อยให้ "จีน" เข้าครองเขตเศรษฐกิจพิเศษตลอดพรมแดน จนกลายเป็นแหล่งก่ออาชญากรรมข้ามชาติ
ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ยังสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างเปิดเผยในเวทีโลก ในขณะที่ชาติอื่นในอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ มีจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่อบรรดานายพลเมียนมา