
หลังจากเปิดตัวอย่างฮือฮาด้วยภาพของนักโทษ 2,000 คน ถูกลำเลียงไปยังเรือนจำอิซาลโก (Izalco prison) ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ของเอล ซัลวาดอร์ ที่นำไปสู่ข้อครหาที่ว่าเป็นแผนของ ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล่ ที่อยากลดจำนวนอาชญากรสังกัดแก๊งชื่อกระฉ่อน ด้วยการให้แก๊งที่เป็น "คู่อริ" กัน เข้าไป "กำจัด" กันเอง โดยมีตัวแปรคือสภาพแวดล้อมที่ "บีบบังคับ" ให้ คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด
แต่ในขณะที่คำครหาเหล่านี้ยังไม่ทันจาง ประธานาธิบดีบูเคเล่ก็โพสต์คลิปวิดีโอล่าสุดเป็น "ภาค 2" ลงบนทวิตเตอร์ แสดงให้เห็นการส่งนักโทษไปยังเรือนจำแห่งนี้เป็นชุดที่ 2 อีก 2,000 คน เมื่อวันพุธ (15 มีนาคม 2566)
มีการขยายความเพิ่มเติมด้วยว่า นักโทษที่ถูกส่งมาที่เรือนจำแห่งนี้ต้องรับโทษโดยไม่ผ่านกระบวนการพิจารณาคดี ส่วนเรือนจำที่รอรับพวกเขาแม้จะเพิ่งสร้างเสร็จใหม่แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้อยู่สุขสบาย เพราะยังคงคอนเซ็ปต์ความ "แออัด" ในฐานะที่เป็นศูนย์รวมของอาชญากรที่ชาวบ้านเอือมระอา ภายใต้ชื่อ "ศูนย์กักกันลัทธิก่อการร้าย" (Center for the Confinement of Terrorism)
ภาพของนักโทษวิ่งตามกันลงบันไดของอาคาร 4 ชั้น หลังลูกกรงเหล็ก แต่ละคนเต็มไปด้วยรอยสัก สวมเพียงกางเกงขาสั้นสีขาว ถูกพันธนาการทั้งมือและขา แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในห้องขังรวมที่ไม่ได้แยกว่าใครเป็นใคร หรือสังกัดแก๊งอะไร ก็มีเพียงเตียงเหล็กที่ว่างเปล่า 4 ชั้น ไร้ฟูก และต่อให้พื้นของเตียงเหล็ก จะแข็งกระด้างเพียงใด มันก็กลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่นักโทษ 100 คน ต้องแย่งความเป็นเจ้าของ ด้วยสัดส่วนเพียง 8 เตียงต่อนักโทษ 100 คน นอกเหนือจากอ่างล้างหน้าแค่ 2 อ่าง กับห้องสุขาแค่ 2 ห้อง
"เรือนจำอิซาลโก" ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกา รองรับนักโทษได้มากกว่า 40,000 คน ตอนที่นักโทษถูกลำเลียงขึ้นรถบัสไปยังเรือนจำ ต้องนั่งก้มศีรษะเรียงแบบตัวติดกันโดยถูกพันธนาการทั้งมือและเท้า ทั้งยังอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธ ที่ดูว่าลำบากแล้วแต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะ สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญต่อไปคือ "การเอาตัวรอด" ในแต่ละวัน
ราฟาเอล โรว์ นักข่าวและนักจัดรายการโทรทัศน์ชาวอังกฤษ ที่เคยติดคุกในปารากวัยและทำสารคดีเรื่อง "The World's Toughest Prisons" ให้ Netflix ยังออกปากว่าเขาช็อกตั้งแต่ตอนเห็นภาพการส่งนักโทษไปยังเรือนจำแห่งนี้เมื่อเดือนที่แล้ว เขาบอกว่า
"นี่เป็นนโยบายโดยเจตนาเพื่อควบคุมและจัดการผู้ต้องขัง ผมเกรงว่าจะเกิดผลย้อนกลับที่เลวร้าย และส่งผลให้เกิดความรุนแรงยิ่งกว่าความไม่สงบโดยฝีมือของพวกแก๊งอันธพาล ที่รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกำจัด"
แม้ว่าในเรือนจำจะมีห้องอาหาร ห้องออกกำลังกาย และโต๊ะปิงปอง แต่ผู้ใช้ตัวจริงมีแต่พัสดีเรือนจำเท่านั้น ส่วนนักโทษจะออกจากห้องขังได้ต่อเมื่อเข้ารับฟังการพิจารณาคดีทางวิดีโอเท่านั้น แต่ชีวิตส่วนใหญ่คือการรับโทษในห้องขังที่ไม่มีหน้าต่างและไม่มีแสง
การปฏิบัติการย้ายนักโทษมายังเรือนจำแห่งนี้ทั้ง 2 ครั้ง ทางกระทรวงกลาโหมถึงกับต้องส่งทหาร 1,200 นาย มาช่วยปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่เช้ามืด ทั้งยังใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศ 3 ลำ มาอารักขาทางอากาศด้วย โดยครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ นายกุสตาโว บิลลาโตโร รัฐมนตรียุติธรรมและความมั่นคง เรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรขยายการประกาศภาวะฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน