ในที่สุด ธนาคารแห่งชาติของสวิสเซอร์แลนด์ (Swiss National Bank) ก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) ธนาคารเพื่อการลงทุนและบริการทางการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก ด้วยวงเงิน 50,000 ล้านฟรังก์สวิส (ราว 1,580,000 ล้านบาท) เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง ก่อนจะเกิดวิกฤตที่รุนแรงกว่านี้
หลังจากธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล (Saudi National Bank) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (9.8 %) ไม่สามารถเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินได้อีก เพราะจะทำให้ SNB ถือหุ้นในเครดิตสวิส มากเกิน 10% ซึ่งจะเป็นการทำผิดกฎระเบียบธนาคาร ส่งผลให้หุ้นของเครดิตสวิส ทรุดตัวแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในตลาดซื้อขายที่ยุโรป
เครดิตสวิส ก่อตั้งเมื่อปี ตั้งแต่ปี 1856 (พ.ศ.2399) มีสำนักงานใหญ่ที่เมืองซูริก และมีสำนักงานอยู่ในศูนย์กลางการเงินทุกแห่งทั่วโลก จนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อการเงินโลก แต่ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ต้องประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุจากการตัดหนี้สูญของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ อันเป็นผลพวงจากวิกฤตซับไพร์ (subprime) ปี 2008 (2551) และวิกฤตหนี้ยุโรปปี 2009 (2552)
นอกจากนี้ ยังถูกซ้ำเติมจากการล้มละลาย ของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ "อาร์คีกอส แคปิตอล" (Archegos Capital) หรือกองทุนประกันความเสี่ยง จากการที่เครดิตสวิส ร่วมปล่อยกู้ในการลงทุน แต่กลับประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของธนาคารเอง ส่วนสถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันพุธ หุ้นของเครดิตสวิส ดิ่งลงไปถึง 24% อยู่จุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เหลือไม่ถึง 2 ฟรังก์สวิส จนต้องระงับซื้อขาย โดยมีสาเหตุมาจากความตื่นตระหนกของนักลงทุน หลังการล้มของธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ (Silicon Valley) หรือ SVB ในสหรัฐฯ
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า จะปล่อยให้ธนาคารขนาดใหญ่ระดับโลก อย่างเครดิตสวิสล้มไม่ได้ เพราะจะส่งแรงกระเพื่อมที่รุนแรงไปทั่วโลก ขณะที่ธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่เป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ ได้ระบุถึง "ยาแรง" หรือการปล่อยเงินกู้แก่ธนาคารเครดิตสวิสว่า "การดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อเสริมสภาพคล่องล่วงหน้า" "สภาพคล่องเพิ่มเติมนี้ จะสนับสนุนธุรกิจหลักและลูกค้าของเครดิตสวิส ซึ่งเป็นขั้นตอนจำเป็นเพื่อช่วยสร้างธนาคารที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นทำตามความต้องการของลูกค้า"
นอกจากเงินกู้ที่ได้รับจากธนาคารแห่งชาติแล้ว เครดิตสวิสยังจะซื้อคืนหนี้ของตนเองจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อจัดการภาระหนี้สินและลดค่าใช้จ่ายในการชำระดอกเบี้ย โดยข้อเสนอนี้ครอบคลุมพันธบัตรมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ และพันธบัตร ยูโรมูลค่า 500 ล้านยูโร
แถลงการณ์ร่วมระหว่างธนาคารแห่งชาติ (SNB) กับ FINMA หน่วยงานกำกับดูแลด้านการตลาดการเงินอิสระของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธ ระบุถึงการเข้าอุ้มเครดิตสวิสว่า เป็นไปตาม "ข้อกำหนดด้านเงินทุนและสภาพคล่องที่เข้มงวด" ที่มีการกำหนดไว้สำหรับธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบการเงินในวงกว้าง ซึ่งถ้าจำเป็น SNB ก็จะมอบสภาพคล่องแก่เครดิตสวิส