MQ-9 Reaper เป็นสมบัติล้ำค่าของกองทัพสหรัฐฯ ด้วยราคาที่สูงถึง 32 ล้านดอลลาร์ (1,100 ล้านบาท) จึงไม่แปลกที่สหรัฐฯ พยายามจะเอาเรื่องรัสเซียด้วยข้อกล่าวหาว่า เครื่องบินขับไล่ SU-27 ของรัสเซีย เจตนาชน MQ-9 Reaper จนตกทะเลดำและเสียหายทั้งลำ ไม่สามารถนำมาใช้งานได้อีก และเป็นการกระทบกระทั่งครั้งแรกระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
แม้สหรัฐฯ จะอ้างว่า MQ-9 Reaper เป็นโดรนสอดแนม และถูกเครื่องบินขับไล่ Su-27 ของรัสเซีย ก่อกวนด้วยการทิ้งเชื้อเพลิงใส่เหนือน่านฟ้าสากล ก่อนจะชนใบพัดจนสูญเสียการควบคุมและตกลงไปในทะเลดำ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าอากาศยานไร้คนขับ (UAV) รุ่นนี้ เป็นสุดยอดของยุทโธปกรณ์ไฮเทคที่มีชื่อเดิมว่า "Predator B" และได้รับฉายาว่า "โดรนพิฆาต" ที่ติดอาวุธครบ และมีหน้าที่หลักคือ "สังหารเป้าหมายแบบสายฟ้าแลบ" ส่วนหน้าที่รองคือ "เก็บข้อมูลข่าวกรอง"
ในภารกิจการสังหารเป้าหมาย หนึ่งในผลงานที่เป็นที่ประจักษ์คือ การสังหารพลตรี "กาส์เซม สุไลมานี" ผู้นำกองกำลังคุดส์ (Quds Force) หน่วยรบพิเศษของอิหร่าน ใกล้สนามบินแบกแดดของอิรัก การโจมตีในครั้งนั้นทำให้ได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพของโดรนรุ่นนี้ด้วยว่า มันเป็น "เพชรฆาตเงียบ" กว่าเป้าหมายจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
โดรน MQ-9 Reaper เป็น UAV ที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ใช้ทั้งสอดแนมและจู่โจมทางอากาศ
- มีรัศมีการบิน 1,852 กิโลเมตร
- มีเพดานบินสูง 50,000 ฟุต
- บินได้นาน 14 ชั่วโมง
- มีจุดติดตั้งอาวุธ 6 จุด (ปีกด้านละ 3 จุด)
- ติดตั้งขีปนาวุธจากอากาศสู่พื้นดิน 8 ลูก
- ขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศ ประสิทธิภาพทำลายล้างสูง 2 ลูก
- ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ 2 ลูก ความเร็วสูงสุด 480 กม./ชม.
- ถังน้ำมันเชื้อเพลิงจุได้ 1,800 กก.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 4,900 กิโลกรัม
- บรรทุกสูงสุด 1,700 กิโลกรัม
แต่ถ้าเป็นรุ่นของกองทัพเรือ ได้มีการปรับปรุงโปรแกรมควบคุมการบินให้ไกลขึ้น เพิ่มน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น เพิ่มถังเชื้อเพลิงใหญ่ขึ้น ทำให้บินได้นานถึง 49 ชั่วโมง