ประธานาธิบดีโจ ไบเดน, นายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ของอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย แถลงร่วมกันที่ฐานทัพเรือในเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ โดยมีเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ชั้นเวอร์จิเนียเทียบท่าอยู่ด้านหลัง ทั้งสามเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของการสร้างกองเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์รุ่นใหมที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับพันธมิตร “ออคัส” หรือ AUKUS ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว
ภายใต้ข้อตกลงนี้ที่แบ่งออกเป็น 4 เฟส กำหนดว่า นับจากปีนี้ทหารเรือจากออสเตรเลียจะประจำการที่ฐานทัพเรือดำน้ำของสหรัฐฯ และอังกฤษ เพื่อฝีกทักษะการใช้เรือดำน้ำ และนับจากปี 2027 สหรัฐฯ และอังกฤษ จะส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเทียบท่าที่ฐานทัพเรือในเมืองเพิร์ธของออสเตรเลีย
ส่วนเฟสที่ 3 สหรัฐฯ กำหนดขายเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ชั้นเวอร์จิเนีย 3 ลำแก่ออสเตรเลียภายในช่วงต้นทศวรรษ 2030 และออสเตรเลียอาจซื้อเพิ่มได้อีก 2 ลำ ไบเดนย้ำว่า เรือดังกล่าวจะไม่ติดอาวุธนิวเคลียร์ จึงไม่ทำลายสัญญาของออสเตรเลียที่ประกาศเป็นประเทศปลอดนิวเคลียร์ และอัลบาเนซี บอกว่า ข้อตกลงนี้เป็นการลงทุนครั้งเดียวครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อเสริมศักยภาพการป้องกันประเทศของออสเตรเลีย และเป็นครั้งแรกในรอบ 65 ปี และครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สหรัฐฯ แบ่งปันเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยพลังนิวเคลียร์
และเฟสสุดท้ายออคัสมีแผนพัฒนาและสร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์รุ่นใหม่ทั้งหมดแก่กองทัพเรืออังกฤษ และออสเตรเลีย โดยเรือจะชื่อรหัสว่า SSN-AUKUS เรือดำน้ำรุ่นนี้จะสร้างในอังกฤษและออสเตรเลียตามแบบของอังกฤษ แต่ใช้เทคโนโลยีจากทั้ง 3 ประเทศ
นอกจากนี้ไบเดนประกาศด้วยว่า สหรัฐฯ จะจัดสรรงบ 4,600 ล้านดอลลาร์ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อเสริมศักยภาพการสร้างเรือดำน้ำของสหรัฐฯ และปรับปรุงการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ
การจัดตั้ง “ออคัส” ภายใต้การนำของสหรัฐฯ ถูกมองว่า มีเป้าหมายเพื่อต้านทานอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก แต่ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาสร้างพันธมิตรเหมือนองค์การนาโตในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
ล่าสุดกระทรวงต่างประเทศจีน แถลงในวันอังคารเกี่ยวกับข้อตกลงเรื่องเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ของ "ออคัส" ว่า ทั้ง 3 ชาติไม่คำนึงถึงความกังวลของประชาคมโลก และกำลังเดินถลำลึกบนเส้นทางอันตราย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงต่างรปะเทศจีน แถลงย้ำจุดยืนของจีนว่า ข้อตกลงของ “ออคัส” เสี่ยงสร้างการแข่งขันสะสมอาวุธ และทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเรียกร้องให้สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ล้มเลิกแนวคิดสงครามเย็น และการเล่นเกมที่ต้องมีผู้แพ้-ผู้ชนะเท่านั้น