นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาต้นเดือน มี.ค.เลือกตั้ง 7 พ.ค.ว่า เป็นเรื่องที่ดีทำให้เกิดความชัดเจน ซึ่งการเลือกตั้งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 8-9 หมื่นล้านบาท และถ้ารัฐบาลมีเสถียรภาพและมั่นคง ผลการเลือกตั้งที่ชัดเจน ตามระบอบประชาธิปไตย ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติ
" ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลก็เชื่อว่าไม่กระทบต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวมาก เพราะแผนงานต่างๆ ก็กำลังเดินหน้าได้ดี โดยหลังจากจีนเปิดประเทศทำให้การท่องเที่ยวฟื้น และการดึงดูดการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า"
อย่างไรก็ตาม อยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้พิจารณางบประมาณให้ทันเวลา และมีมาตรการใหม่เข้ากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบ เอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นต้น
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในช่วงรอยต่อราว 3-4 เดือน ระหว่างที่รัฐบาลเก่ายุบสภาและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นช่วงสุญญากาศทางการเมืองนั้น ถือว่าน่าเป็นห่วงในแง่ของสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันที่ยังอยู่ในช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก แม้อันที่จริงสุญญากาศก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ทั้งการไม่เข้าประชุมสภาและลาประชุม ครม.
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเลือกตั้งและการประกาศนโยบายของแต่ละพรรคจะมีผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ที่น่าเป็นกังวลคือเหตุการณ์บิ๊กเซอไพร้ส์ในช่วงของการเปลี่ยนขั้วอำนาจ จึงคาดหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นไปตามกติกา เคารพในผลการเลือกตั้งและไม่มีการแทรกแซง
“รัฐบาลที่เอกชนคาดหวังคือรัฐบาลที่รับฟังเสียงของประชาชนและเข้าใจปัญหา มองเศรษฐกิจเป็นเรื่องหลักที่ต้องเร่งฟื้นฟู เป็นรัฐบาลที่สามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้ จะสร้างความหวังและความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจ นอกจากนี้ต้องไม่มีการคอรร์รัปชัน ทุจริต รวมทั้งมีศักยภาพและวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำ”