
29 กันยายน 2568 การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาวันแรก( 29 ก.ย. 68 ) ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงหนึ่งของการแถลง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เเถลงว่า "ขออนุญาตนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ขอนับวันที่ 1 ตุลาคมคือวันแรก นับไปวันที่ 31 มกราคมยุบสภาแน่นอน"
สำทับ ด้วยการอภิปรายของ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการจัดทำประชามติแก้รธน. และประชามติยกเลิก MOU 43 - 44 หรือไม่ ในคราวเดียวกับ การเลือกตั้งทั่วไป
นี่จึงเป็นการบ่งบอกให้ รัฐสภารับรู้ การเลือกตั้งทั่วไป จะมีขึ้นราวเดือนเมษายน 2569
เดินเกมสร้างมิตรลดศัตรู ขยายเครือข่าย
หากจับจังหวะ นายกฯอนุทิน ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จสิ้น เท่ากับเป็นการเริ่มนับหนึ่งตามไทม์ไลน์ที่ทำไว้กับ พรรคประชาชน จะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
การออกสตาร์ทนับหนึ่ง ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นเครื่องยืนยันว่า นายกฯอนุทิน ดำเนินการตาม MOA 5 ข้อ ที่ให้ไว้กับ"พรรคประชาชน" ไม่ผิดคำพูด!?! ตรงนี้เสมือนผูกมิตรกับพรรคสีส้มไว้ล่วงหน้า กับปมร้อนจัดทำประชามติแก้ไขรธน.เพราะการจัดทำประชามติ ก็จะเกิดขึ้นในวันเดียวกับการเลือกตั้งทั่วไป
ไม่เพียงการสวมหมวกใบใหญ่ของประเทศ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ อนุทิน ยังมีอีกบทบาทคือความเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่จะต้องนำพาพลพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้งหลังประกาศยุบสภาอีกด้วย ฉะนั้นในห้วงของรัฐบาล 120 วัน หรือ รัฐบาล 4 เดือนนี้ จึงต้องการสร้างผลงานในปัจจุบันเพื่อหวังผลสู่อนาคต นั่นคือ เป้าหมายของการคว้าเก้าอี้สส.ในสภา จากเดิม 68 คนในวันนี้จะเเปรเป็น 100 – 120 คนในวันข้างหน้า ได้หรือไม่
กูรูทางการเมือง ประเมินว่า สภาวะการเมืองที่กระเเสอนุรักษ์นิยมหวนกลับจากหลากปัจจัย ชี้วัดว่าพรรคภท.น่าจะเติบโตเเบบเกินเป้า ในสี่เดือนข้างหน้า โอกาสขึ้นเเท่นลุ้นตั้งครม.ชุดหน้าตามที่ชาวบ้านไปหย่อนบัตรเลือกสส.
เห็นได้จากผล นิด้าโพล ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2568 ที่ถามหาคนเหมาะสมเป็นนายกฯ แม้อันดับหนึ่งยังไม่เกิด แต่เมื่อดูคะแนนความนิยมอันดับถัดไป คะแนนความนิยมอนุทินซึ่งอยู่อันดับสาม ตามไล่บี้ "หัวหน้าเท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จากค่ายประชาชน อันดับสอง แบบหายใจรดต้นคอ
อีกทั้ง กระเเสการทาบทามบ้านใหญ่/สส.หลายมุ้ง/หลากพรรคชัดเจนเรื่อยๆว่า คนการเมืองทยอยไหลบ่ามายังพรรคสีน้ำเงินย่านบางเขน เเบบ รายวัน ที่ผ่านมาจะพบข่าวว่าเเกนนำพรรคภท.เปิดบ้านรับสมาชิกพรรคหน้าใหม่ ( เเต่หน้าเก่าบนเวทีการเมือง) เเม้จะมีบางฝ่ายมองว่า เคสนี้คล้ายไทยรักไทยโมเดลเมื่อปี 2544 เเละ 2548
อย่างเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อนุทิน เดินสายไปตรวจน้ำท่วมจ.พระนครศรีอยุธยา อันเป็นพื้นที่ค่ายสีส้ม จนเป็นประเด็น วิวาทะกับหัวหน้าเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ซึ่งหลังฉากยังไม่มีใครทราบ จะเกิดการเซอร์ไพร์สอะไรหรือไม่
หรือตอนเย็นวันเดียวกันนั้น เดินทางไปราชบุรี พื้นที่ ของ รวมไทยรักษาชาติ ถึงกับประกาศกลางงาน ทาบทาบ อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทย
พรรคภท.วางเป้าหลักปั้นตัวเลขสส.คราวหน้าว่า จะคว้าได้ในภาคใต้/ตะวันตก/กลาง/อีสานใต้/เหนือตอนล่างเเบบเจาะสส.รายเขต /ไม่เหมาเข่ง(เว้นเเต่จะมีลุ้นยกจังหวัด) จนตัวเลขประมาณการเเตะเพดาน 100 -120 สส.
สร้างผลงานเด่น กลบจุดอ่อน
กลยุทธ์ทางการเมืองในช่วงเวลา 120 วัน พรรคภท. พยายามจะไม่พูดถึง หรือสั่งพลพรรครูดซิบปาก ไม่ตอบโต้เช่น กัญชาเสรี / เขากระโดง/ ฮั้วสว.โดยให้พลพรรคฉกฉวยโอกาส 120 วัน โหมประโคม แต่ข่าวดีที่จะมีถึงประชาชน เช่นโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งแม้แต่ผลสำรวจสวนดุสิตโพลวันนี้ยังชี้วัดดัชนีความนิยมทางการเมือง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่รับรู้ถึงนโยบายคนละครึ่งพลัสกำลังกลับมาสร้างความพึงพอใจให้ประชาชน
หากมองดีๆการวางจังหวะการเมืองที่ นายกฯหนู ระบุไทม์ไลน์การทำงานไว้นั้น กลบมุมลบสีน้ำเงินจากพื้นที่ข่าวไปได้พอสมควร
ชำแหละ รายพรรคเลือดไหลออกเข้าภท.
นายกฯหนู วางไทม์ไลน์เเละสมการการเมืองไว้เเล้ว เเต่ตัวเลขในฝันสีน้ำเงิน จะมาจากไหน..ก็คงต้องจับจังหวะการขยับของพรรคคู่เเข่งที่อยู่ในจังหวะขาลง / ราคาหุ้นการเมืองร่วงติดฟลอร์ ที่พบว่าคนการเมืองเหล่านี้ไหลไปค่ายสีน้ำเงินกันเเบบชัดเเจ้ง
ตีเมืองขึ้นรวบรวมไพร่พลจากพรรคต่างๆ
เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ/พรรคประชาธิปัตย์ ที่วันนี้ใช้คำว่าพรรคร้าง/เเพเเตกได้อย่างสนิทใจ เพราะคนในพรรคเหล่านี้พบว่า เทใจให้พรรคภท.ไปหมดเเล้ว เเละทำให้ตัวเลขสส.ปักษ์ใต้งวดหน้าของพรรคภท.ดีดตัวขึ้นเเบบน่าตกใจ!?!
ขยายอาณาจักร คลอบคลุมไปยังหลายจังหวัด ซึ่งเเกนนำพรรคสีฟ้า / รทสช. มีสส.ไว้ในมือเเละจะมาเพิ่มยอดให้ค่ายสีน้ำเงินเเบบที่เสี่ยหนูไม่ต้องออกเเรงเยอะ.. เเม้เเต่พรรคพลังประชารัฐ พบว่า สส.ส่วนใหญ่ย้ายสังกัดมาเเตะมือหัวหน้าอนุทิน เเบบไม่เกรงใจ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
ว่าไปแล้ว แบรนด์สีน้ำเงินย่านบางเขน กำลังขึ้นหม้อ ราคาพุ่งขึ้น เเละน่าจะพุ่งไปอีก จนบีบรัดคู่เเข่งให้ต้องเล่นเกมที่คนโตอีสานใต้วางหมากให้พรรคภท.ชิงยำคู่เเข่ง
วัดศักยภาพ”พท.-กล้าธรรม” คู่แข่ง ภท.
นอกจากคู่แข่งทางการเมือง ไม่ว่าเป็น เพื่อไทย- พรรคประชาชน ที่กำลังอยู่ในภาวะอลเวง จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายค้ำ ถกเถียงกันยังไม่จบ ชาวบ้านประชาชี ก็สับสนตามไปด้วย ขณะที่ในพรรคร่วมรัฐบาล มีอีกพรรคหนึ่ง นั่นคือ "พรรคกล้าธรรม"ที่วันนี้ นับเป็นพันธมิตรหลวมๆกับพรรคภูมิใจไทย เเต่ตอนลงสนามเชื่อว่าสองพรรคนี้น่าจะปะทะกันพอตัวในหลายพื้นที่ โดย พรรคกล้าธรรม น่าจะปะทะกับหลายจุดในพื้นที่ชิงดำกับพรรคเพื่อไทย อีกด้วย
มองค่ายสีเเดง กันบ้าง ยอมรับว่าบอบช้ำสุดในสนามตอนนี้เพราะเครดิตร่วงไปเยอะจากหลากวาระในรอบสองปีเศษ เเม้นายหญิง เเห่งชินวัตรเเฟมิลี่ ยังคงเดินประคองค่ายสีเเดงอยู่เพื่อมิให้สส.ย้ายค่าย เเต่มนต์ขลังขอพท.จะปลุกใจสส.อย่างไรเเละเเคมเปญหาเสียงที่พท.จะใช้ดึงเเต้มมวลชนไม่ให้หันเห..คือนโยบายใดบ้าง
สำคัญสุด คือ ใครจะอาสาเป็นสามเเคนดิเดตนายกฯของพรรคนึ้ !?!เเละ เเพทองธาร ชินวัตรยังจะอาสาเป็นหัวหน้าพรรคต่อไปหรือไม่... เพราะบุคลากรของพรรคคือหนึ่งในปัจจัยการเมืองที่ชาวบ้านจะมองก่อนลงคะเเนนว่า ควรจะเลือกผู้นำพรรคใดไปบริหารบ้านเมืองเคียงข้างนโยบายพรรคเเละสส.ในพื้นที่ด้วย!?!
ตอนนี้กูรูการเมืองหลายคนยังมองไม่เห็นหนทางกลับสู่ขั้วอำนาจของค่ายสีเเดง โดยเทใจพยากรณ์ล่วงหน้าเเล้วว่า โอกาสเสียเเชมป์คร้้งที่สองของพรรคเพื่อไทยนั้นสูงยิ่ง.. บวกกับการปะทะในหลายเขตเลือกตั้งที่ค่ายสีเเดงต้องสู้กับพรรคสีส้ม/ขั้วสีน้ำเงินเเละบางคราวพรรคพท.ต้องชนกับพรรคของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า..บวกกับของเเสลงคือการชิงพื้นที่ปักษ์ใต้เเละยาขมคือการชิงสนามกทม.นั้นมิใช่การบ้านง่ายๆเลยสำหรับพรรคสีเเดง
อีกทั้ง พบว่าสส.ค่ายสีเเดงหลายคนที่ไหลไปเเตะมือเสี่ยหนูเเล้ว วันข้างหน้า จะไหลบ่าไปเพิ่มยอดให้ค่ายสีน้ำเงินอีกมาก จากสส.ภาคอีสาน!?!
ส่องค่ายใหญ่สีส้มคนรุ่นใหม่ไปไกลแค่ไหน
จังหวะพรรคสีส้มที่เคยหวังเเก้ไขมาตรา112 เเห่งประมวลกฎหมายอาญา/เเก้รธน./วิจารณ์กองทัพจนได้ใจคนรุ่นใหม่/คนเบื่อการเมืองเดิมๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เเต่เหตุไทย-กัมพูชาวันนี้ กระเเสลมตีกลับ
ส่อเเววว่าค่ายสีส้มที่เคยเเตะ 151 สส.ในคราวที่เล้ว เเละชึ้นเเท่นเบอร์1 หากลงสนามปีหน้า กระเเสสีส้มอาจไม่ฟีเวอร์เหมือน 22 พฤษภาค 2566
“ยิ่งตอนนี้ค่ายสีเเดงฟาดฟันแหลกกับค่ายสีส้ม โดยพรรคสีเเดงโยนบาปหลากวาระให้ค่ายสีส้มเพื่อดิสเครดิตในยามนี้ คล้ายว่าพรรคสีส้มจะต้องปะทะกับค่ายสีเเดง เเบบยอมกันไม่ได้ทุกวาระเป็นเเน่เเท้ บวกกับกระเเสมวลชนสีส้มที่ไม่เเฮปปี้ลีลาของพรรคกับการหนุนคุณอนุทินในคราวนี้ ตรงนี้น่าจะดึงราคาหุ้นส้มลงไปได้ เเม้ว่าคีย์เเมนพรรคสีส้มจะออกมาโยนเเคมเปญใหม่ๆ ออกมาล่วงหน้า เช่น รายชื่อว่าที่ครม.สีส้มออกมา เเต่คล้ายว่ายังไม่ปัง"
ฉะนั้น หมากการเมือง 120 วัน อยู่ในมือนายกฯอนุทิน ที่จะกดดันคู่เเข่ง (หากภท.ไม่ตกน้ำตายเสียเอง) เพื่อชิงจังหวะนำในกระดานหน้า ดังนั้นการเมือง สี่เดือนข้างหน้านี้ ละสายตาไม่ได้เเม้เเต่วันเดียว