
12 พฤศจิกายน 2568 ทนายอั๋น บุรีรัมย์ หรือ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร เข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการเอาผิดทางด้านจริยธรรมอย่างร้ายแรงต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติอนุมัติงบประมาณล่วงหน้าเกือบ 4,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างปี พ.ศ. 2570–2574 ในประเด็นหลักฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงและผลประโยชน์ทับซ้อน
นายภัทรพงศ์ ได้นำสำเนาเอกสารหนังสือรับรองบริษัทที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของนายอนุทิน ยื่นต่อเลขาธิการ ป.ป.ช. โดยกล่าวหาว่า พฤติการณ์ของนายกรัฐมนตรีเข้าข่ายการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และเป็นการดำรงตำแหน่งโดยไม่สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากมีประเด็น ผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างชัดเจน โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่ตั้งเดียวกันกับผู้รับประโยชน์ นายอนุทิน มีทะเบียน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับบริษัทที่จัดการแข่งขัน และเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง จากงบประมาณจำนวนดังกล่าว
นายภัทรพงศ์ ตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรม Moto GP รวมถึงสนามแข่งขันในบางส่วน บริษัทผู้รับผลประโยชน์ และบ้านที่ตั้งตามทะเบียนบ้านของนายอนุทิน ต่างก็ตั้งอยู่บนที่ดินบริเวณแยกเขากระโดง ซึ่งขณะนี้กำลังถูกการรถไฟแห่งประเทศไทยฟ้องร้องเพื่อเพิกถอน ขับไล่ และเรียกค่าเสียหาย โดยคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดบุรีรัมย์
การยื่นหลักฐานในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า นายอนุทินและรัฐบาลมีพฤติกรรม เอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ในการอนุมัติงบประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนหรือไม่ โดยตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ความเร่งรีบในการอนุมัติทั้งที่สัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดในปีหน้า 2569 ความคุ้มค่าของงบประมาณ หากการจัดงานสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง เหตุใดจึงต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล เนื่องจากทราบมาว่าขณะนี้ขาดแคลนสปอนเซอร์สนับสนุน
นายภัทรพงศ์ จึงเรียกร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยหากพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมของนายอนุทิน เข้าข่ายความผิดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขอให้ ป.ป.ช. ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป