เชื่อปมพิพาทที่ดินเขากระโดง จบแน่ในยุค “บิ๊กอ้วน” นั่ง มท. 1

9 กรกฎาคม 2568 นายศักดา นพสิทธิ์ นักวิเคราะห์การเมือง ให้ความเห็นกับเนชั่นทีวี กรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เตรียมเข้ามาสะสางข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ อธิบดีกรมที่ดินไม่ได้เพิกถอนที่ดิน ตามคำพิพากษาศาลฎีกา แต่อย่างไรก็ตาม รมว.มหาดไทย ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องนี้
 

ข้อเท็จจริงสรุปชัดว่า ที่ดินตรงนี้สามารถเพิกถอนได้ และคำพิพากษาศาลให้เพิกถอนชอบแล้ว และต้องปฏิบัติตาม ไม่สามารถค้นหาข้อเท็จจริงอื่น มาหักล้างย้อนแย้งจนไม่สามารถเพิกถอนที่ดินได้
 

นายศักดา กล่าวว่า ฉะนั้น หลักการข้อนี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ รมว.ได้ค้นพบ ภายหลังจากอธิบดีกรมที่ดินปฏิเสธเพิกถอนที่ดิน ฉะนั้นถ้าหลักที่ถูกต้อง ที่ควรเป็นไปตาม รมว.มหาดไทย เมื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมา และได้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎแบบนี้ 

“ถ้า รมว.มหาดไทย ดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องจบ เพราะเรื่องนี้ยืดเยื้อยาวนาน ที่สำคัญกว่านี้ มีคำวินิจฉัย มีคำพิพากษาของศาลฏีกา ซึ่งถือว่าเป็นที่สุด อาจย้อนแย้งไม่ได้แล้ว ไม่มีเหตุที่ฝ่ายบริหารจะไปย้อนแย้งต่อคำพิพากษา เพราะเป็นอำนาจของตุลาการ” 
 

“ต้องเพิกถอนที่ดินที่ออกโฉนดให้ไปกับเอกชน กลับมาเป็นที่ดินของรัฐเท่านั้น ตามคำพิพากษาของศาล นี่คือผลแห่งกฎหมาย อยู่ที่การบังคับใช้  ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติ และออกเป็นคำพิพากษาแล้ว เหลือแต่การบังคับใช้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา กรมที่ดินจะเป็นเจ้าพนักงานในการเพิกถอน" 
 

เพิกถอนสิทธิสถานเดียวไม่ต้องชดเชยเยียวยาด้วย
 

นายศักดา กล่าวว่า ในหลักการออกเอกสารสิทธิ ให้เฉพาะที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ระหว่างราษฎร กับ ราษฎร ที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ใช่ที่ดินของรัฐ ถึงจะสามารถให้กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิ์ ให้กับประชาชนที่ครอบครองทำมาหากินได้

“แต่หากที่ดินนั้นเป็นที่ดินของรัฐ ไม่ว่าราษฎรจะครอบครองนานเท่าไหร่  จะทำกินมาด้วยความสุจริตเพียงใด ก็แล้วแต่ ไม่สามารถอ้างความเป็นปรปักษ์ กับที่ดินของรัฐได้ ในกรณีที่ดินเขากระโดง ข้อเท็จจริงยุติแล้วว่า เป็นที่ดินของการรถไฟ นั่นคือที่ดินส่วนหนึ่งของรัฐ

เมื่อเป็นที่ดินของรัฐแล้ว เมื่อชาวบ้านมาเข้าอยู่ ข้อเท็จจริงปรากฎตามคำวินิจฉัยของศาล ที่เขียนไว้ในคำพิพากษาวา เมื่อมาอยู่ ครอบครองนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ กรมที่ดินไม่มีสิทธิออกหลักฐานเอกสารสิทธิโฉนดให้แก่เขา จึงเป็นที่มาว่า การออกเอกสารสิทธิ กรมที่ดินไป อาจเป็นข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนหรือฟังข้อเท็จจริงไม่ยุติ จึงออกเอกสารสิทธิไป แต่บัดนี้มีคำพิพากษาแจงข้อเท็จจริง ที่ย้อนแย้งกันแล้วให้เป็นอันยุติแล้วว่า ที่ดินดังกล่าว ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ และสั่งให้เพิกถอน

ฉะนั้น กรมที่ดินในฐานะเจ้าพนักงานที่มีหน้า ที่ออกเอกสารสิทธิและออกเอกสารสิทธิให้ไปแล้ว ก็ต้องกลับมาทำหน้าที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ คือโฉนดที่ดินให้แก่ชาวบ้าน โดยไม่จำเป็นต้องชดเชย เยียวยา การอยู่ทำกิน หรือการก่อสร้างดังกล่าวที่ให้ไป”