
8 กรกฎาคม 2568 ปฏิบัติการ “รุกกลับ” พรรคภูมิใจไทย ของพรรคเพื่อไทย ต้องบอกว่าถึงวันนี้ีัเดินหน้าเต็มสูบ เพราะเพื่อไทยไม่พอใจที่ภูมิใจไทยเล่นบท “ฝ่ายค้าน” อย่างเอาจริงเอาจัง และล้ำเส้นมาก ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็น “ฝ่ายค้านหมาดๆ”
แต่กลับขู่ตรวจสอบรัฐบาล ถึงขั้นจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แถมยังเดินเกมชิงเสียง สลับขั้ว เตรียมตั้ง “รัฐบาลเฉพาะกาล” เพื่อช่วงชิงอำนาจการเป็นรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย
แม้จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ได้เป็น “รัฐบาลรักษาการ” ช่วงเลือกตั้ง ย่อมนำมาซึ่งความได้เปรียบทางการเมือง
ปฏิบัติการ “รุกกลับ” จึงเปิดขึ้น เริ่มจาก
- ชะลอโครงการเมกะโปรเจค 2 กระทรวง คือ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวง อว. รวมๆ แล้วราว 4 หมื่นล้าน โดยเฉพาะโครงการเช่าแท็บเล็ต 2 หมื่นล้านของกระทรวงศึกษาฯ และโครงการสร้างเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน อีก 1.59 ล้าน
- ทลายเครือข่ายเรียกหัวคิวต่อใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะกัมพูชา มูลค่าความเสียหาย 450 ล้าน
ทั้ง 3 กระทรวงนี้ ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งเป็น 3 กระทรวงที่มีคนของพรรคภูมิใจไทยเคยนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ
ล่าสุด คือ การตีไปที่ “กล่องดวงใจ” ของพรรค และผู้นำจิตวิญญาณพรรค นั่นก็คือ การตรวจสอบที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมที่ดิน ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
โดยเป้าหมายของปฏิบัติการรอบนี้ คือ ยึดที่ดินกลับมาเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ หรือเอกสารการครอบครอง หรือใช้สิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เนื่องจากออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งที่ดินเขากระโดงมี “ตระกูลการเมือง” ครอบครองอยู่หลายแปลง
ที่ผ่านมาในยุค “มท.หนู” คุณอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย กรมที่ดินปฏิเสธที่จะเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง โดยอ้างว่าได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตามคำสั่งศาลปกครองแล้ว
แต่การรถไฟฯ ส่งแผนที่กำหนดขอบเขตที่ดินของตนเองไม่ชัดเจน จึงไม่สามารถเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ได้ จนการรถไฟฯ ต้องออกมาโต้แย้ง และยื่นฟ้องศาลปกครองซ้ำ กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างหน่วยงาน 2 หน่วย
ล่าสุด ทันทีที่ “บิ๊กอ้วน” เข้าไปนั่งเป็น รมว.มหาดไทย และประชุมมอบนโยบายครั้งแรกไปแล้ว ได้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเอกสารและเรื่องราวทั้งหมด โดยได้มีการรวบรวมหลักฐานจากทีมกฎหมายที่เคยช่วยสนับสนุนข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อครั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชาติ ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ในสภาชุดที่แล้ว มาประกอบด้วยผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การสอบสวนของคณะกรรมการตาม มาตรา 61 เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ และการลงมติไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ก็ไม่ชอบเช่นกัน
เหตุผลทางกฎหมายที่ตรวจพบ มี 3 ข้อ คือ
1.หลักเกณฑ์พื้นฐานในการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นโฉนด หรือ นส.3 มีอยู่ 2 ข้อ คือ
- มีการครอบครอง และ ทำประโยชน์ในที่ดิน
- และไม่เป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
ความหมายของที่ดินต้องห้าม คือที่ดินซึ่งได้หวงห้ามไว้... ตามกฎหมายอื่นก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 10)
ในส่วนของ ที่ดินเขากระโดง เป็นที่สงวนหวงห้าม ตาม พ.ร.บ.จัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 ซึ่งประกาศใช้อยู่ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ จึงออกเอกสารสิทธิ์ไม่ได้
อีกทั้ง ที่ดินเขากระโดงได้รับการพิสูจน์จากศาล จนถึงศาลฎีกาแล้วว่า เป็นที่ดินของการรถไฟฯ จึงถือเป็นที่ดินที่ “รัฐสงวนไว้เพื่อกิจการของรัฐ” ต้องห้ามออกหนังสือแสดงสิทธิทีดิน
2.คณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 ที่อธิบดีกรมที่ดินตั้งขึ้น กรณีเขากระโดง ต้องตรวจสอบว่าที่ดินเขากระโดงเป็นที่รัฐหรือไม่ ไม่ใช่ไปอ้างว่าแผนที่ไม่ชัดเจน
ส่วนการแก้ไขปัญหาการโต้แย้งสิทธิในที่ดิน ซึ่งเจ้าพนักงานที่ิมีอำนาจทำการสอบสวนเปรียบเทียบนั้น (เช่น ไปตรวจแผนที่) / ต้องเป็นการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างราษฎร กับ ราษฎร หรือ เอกชน กับ เอกชน เจ้าพนักงานที่ดินจึงจะทำการสอบสวนเปรียบเทียบได้ ตามมาตรา 60
ส่วนคณะกรรมการตามมาตรา 61 มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานให้ได้ความว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ อย่างไร
อันเป็นไปตาม “กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ.2553”
คณะกรรมการตามมาตรา 61 ต้องทำการสอบสวนรวมรวบพยานหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะพยานหลักฐานกระบวนการออกโฉนดที่ดินแต่ละแปลง ซึ่งจะรวบรวมไว้ในแฟ้มสารบบที่ดินแต่ละแปลงอยู่แล้ว แต่คณะกรรมการฯ กลับไม่นำพยานหลักฐานดังกล่าวมาพิจารณา จึงเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานไม่ครบถ้วน เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯ จึงเท่ากับเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่สำคัญเมื่อที่ดินเขากระโดง ยังเป็นที่ดินหวงห้ามของรัฐสำหรับกิจการรถไฟ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2464 ก่อนประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ในปี พ.ศ.2497 ที่ดินเขากระโดงจึงไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ และคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 จึงไม่มีอำนาจไปแก้ไขปัญหาโต้แย้งสิทธิในที่ดิน ระหว่างรัฐ (การรถไฟฯ) และเอกชน
ฉะนั้นกรมที่ดินจึงต้องเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินบริเวณเขากระโดงเท่านั้น เพราะถือว่าออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
3.เจ้าพนักงานที่ดินเอง เคยให้การต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ในคดีที่เอกชนผู้ครอบครองที่ดินเขากระโดง ฟ้องการรถไฟฯ และกรมที่ดิน
**เจ้าพนักงานที่ดินอ้างว่า ไม่มีอำนาจหน้าที่สอบสวน เปรียบเทียบ หรือชี้ขาดการโต้แย้งสิทธิระหว่างเอกชนกับหน่วยงานรัฐ
**มีคำพิพากษาศาลบุรีรัมย์ชัดเจน เมื่อปี 2555
ฉะนั้นมติของคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 ที่ไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง เมื่อปี 2567 จึงเป็นมติที่มิชอบแน่นอน
แล้วเหตุใดกรมที่ดินจึงอ้างเหตุผลแตกต่างจากในอดีต
งานนี้มีข่าวว่า “บิ๊กอ้วน” เตรียมรื้อขยะใต้พรม และสะสางให้เห็นผลในเร็ววัน