
30 เมษายน 2568 ความคืบหน้า กรณีคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับคดีการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือ คดีฮั้วเลือก สว. เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา
เริ่มจากผู้มีอำนาจที่ต้องการ สว. ประมาณ 120-140 คน มีจึงแผนสั่งการให้มีการจัดคนมาเพื่อลงรับสมัคร สว. โดยมีการจ่ายค่าจ้างในการลงรับสมัคร สว. ให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าสมัคร ค่าถ่ายรูป ค่าใบรับรองแพทย์ มีการโอนเงินค่าใช้จ่ายจากส่วนกลาง ลงไปยังผู้สมัครที่ได้จัดตั้งไว้
การจัดตัวผู้สมัคร เริ่มจากการให้ผู้มีอำนาจในจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น สส. ในพื้นที่ หรือ อดีต สส. ในพื้นที่ สั่งการให้ผู้ช่วย สส. หรือคณะทำงาน ให้ไปจัดหาผู้สมัครมาลงรับสมัคร สว. ในกลุ่มต่างๆ เมื่อได้จำนวนที่ต้องการแล้ว จะมีการโอนเงินค่าใช้จ่ายในรอบแรก จากส่วนกลาง เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายในการลงรับสมัคร โดยจะมีค่าตอบแทนในการลงรับสมัครและค่าตอบแทนให้เลือกตามโพย ประมาณคนละไม่เกิน 10,000 บาท มีทั้งการโอนเงินเข้าบัญชี และการให้เงินสด
ต่อมาเมื่อผ่านเข้ารอบจังหวัดหรือระดับประเทศ จะมีการโอนเงินให้กับ ว่าที่ สว. ตัวจริง ในการไปจัดการให้ผู้สมัครที่เข้ามาเพื่อเลือกบุคคลอื่นๆ ตามโพย หรือ ที่เรียกว่า Voter สำหรับในระดับจังหวัด จะได้รับค่าตอบแทนหลักหมื่น มีทั้งการโอนเงินเข้าบัญชี และจ่ายเงินสด
มีการจัดการแบบนี้เรื่อยไป จนถึงการเลือกระดับประเทศ ซึ่งจะมีค่าตอบแทนที่สูงขึ้น คนละ 1-2 แสนบาท โดยเป็นการจ่ายเงินทั้งแบบโอนเข้าบัญชีและจ่ายเงินสด
สำหรับตำแหน่ง ผู้ช่วย สว. ตามกฎหมายที่ได้รับค่าตอบแทนประมาณเดือนละ 15,000 บาทนั้น ในช่วงแรก จะมีการตอบแทนให้กับ Voter ในรอบแรก เอาชื่อมาเป็น ผู้ช่วย สว. แต่เมื่อทางราชการได้โอนเงินเดือนให้ บุคคลเหล่านี้ก็จะโอนเงินเดือนคืนกับผู้จัดตั้งการสมัครทั้งหมด หรืออย่างน้อย จำนวน 10,000 บาท ทุกเดือน
การตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่า มีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ลงรับสมัคร สว. ในหลายพื้นที่ โดยเป็นการโอนเงินมาจาก คณะทำงานของ สส. หรือโอนมาจากผู้ช่วย สส. หรือโอนมาจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานของพรรคการเมือง หรือมีการโอนมาจากข้าราชการในพื้นที่ ที่คอยช่วยเหลือในเรื่องการลงรับสมัคร โดยเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนกลับขึ้นไป จะพบได้ว่า มีการโอนเงินเข้ามาจากบุคคลซึ่งมีความเกี่ยวข้องทางการเมือง โดยจะพบเส้นทางการเงินของบุคคล ซึ่งจะรับผิดชอบการเลือก สว. คนละประมาณ 3 - 4 จังหวัด
พบว่า เส้นทางการเงินเชื่อมถึงนักการเมือง สส. ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ของพรรคการเมืองหนึ่งอย่างชัดเจน มีพื้นที่การจัดการอยู่ที่ จ.อ่างทอง และบุรีรัมย์เป็นจุดศูนย์กลาง
ทั้งนี้ จากแผนประทุษกรรม “โพยฮั้ว สว.” ดังกล่าว จะพบว่ามีการใช้จ่ายเงินไม่มากนักในกระบวนการเลือก โดยเฉพาะระดับอำเภอ และจังหวัด
สาเหตุเป็นเพราะในชั้นแรก ระดับอำเภอ เป็นแค่การเกณฑ์คนมาเลือก เพื่อให้ครบและเป็นเสียงข้างมากอย่างมีนัยสำคัญของแต่ละกลุ่มอาชีพ เมื่อเข้าถึงระดับจังหวัด ค่าตัวจึงเพิ่มขึ้น
กลุ่มที่น่าจะมีค่าตอบแทนสูง คือ “กลุ่มพลีชีพ” เลือก “บุคคลเป้าหมาย” ให้ได้เป็น สว. กลุ่มนี้ เมื่อดูแผนประทุษกรรม จริงๆ แล้วก็ยังได้เงินไม่มากนัก แต่พบว่ามีการตอบแทนด้วยวิธีอื่น คือ ตั้งเป็น “ผู้ช่วย สว.”
รายการ “ข่าวข้นคนข่าว” เนชั่นทีวี ตรวจสอบอัตราเงินเดือนของผู้ช่วย สว. พบว่า
แปลว่า สว. 1 คน มีผู้ช่วยได้ 8 อัตรา ถ้าคิดจำนวน 138 สว. ที่ได้เป็นตัวจริงตามโพยฮั้วที่ ดีเอสไอระบุ จะสามารถตอบแทนกลุ่มพลีชีพได้มากถึง 1,204 คน ยังไม่นับกลุ่มที่เป็นคณะทำงานการเมืองและเลขานุการ ที่ตั้งได้อีกมาก
ฉะนั้นหากมีการตกลงกันแบบนี้ล่วงหน้า การใช้เงินในกระบวนการเลือก สว. อาจน้อยอย่างไม่น่าเชื่อก็ได้ เพราะใช้เงินรัฐในอนาคตจ่ายแทน
ล่าสุดมีหลักฐานเด็ดที่โยงถึงกลุ่มการเมืองหลุดออกมา เช่น รถตู้หรู สีดำ ทะเบียนจังหวัดดังภาคอีสาน ที่ถูกตั้งคำถามว่า ไปปรากฏอยู่ได้อย่างไร มีธุระอะไร ในพื้นที่เลือก สว. เพราะขณะนี้ดีเอสไอตรวจสอบชื่อผู้ครอบครองรถได้แล้ว โดยสถานะและตำแหน่งหน้าที่ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการเลือก สว.
นอกจากนั้น ยังมีการจับกลุ่มกันเดินไปทำกิจกรรม เข้าไปเลือก สว. เชื่อมโยงกับโพย และผลคะแนนที่นับออกมา อย่างมีนัยสำคัญ คือเป็นคนกลุ่มเดียวกัน เลือกหรือมอบคะแนนให้กันและกันชัดเจน
แต่ทั้งหมดนี้ ก็ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า
1.ข้อมูลมาจากปากคำพยาน จะจริงหรือไม่จริงก็ได้ ต้องรอการพิสูจน์เทียบเคียงกับหลักฐานอื่น โดยเฉพาะหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
2.ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจริงหรือไม่จริง พิสูจน์ได้หรือไม่ได้ ก็ยังขึ้นกับดุลยพินิจของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ว่าจะเชื่อตามคำให้การเหล่านี้หรือไม่
3.พยานที่ให้การ โดยเฉพาะกลุ่ม สว.สำรอง มีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ อัยการและศาลจะมองว่าเป็นพยานที่มีน้ำหนักมากพอหรือไม่ เพราะหากสอย สว.ได้ 1 คน ผู้ที่ได้ประโยชน์ คือ สว.สำรอง ที่จะขยับขึ้นมาแทน
ซึ่งตรงนี้ น่าจะเป็นข้อต่อสู้ของ สว.ที่ถูกกล่าวหา