22 มกราคม 2568 การประชุมคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเกี่ยวกับร่างกฎหมายคอมเพล็กซ์ โดย "นายปันน์ อนันอภิบุตร" ผู้อำนวยการกองภาษี สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงว่า จุดเริ่มต้นที่มามาจากสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งได้มีการจัดทำรายงานผลการศึกษาญัตติเรื่องการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เพื่อแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
โดยได้มีการยกร่างกฏหมาย และผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะส่งไปยังคณะรัฐมนตรีและได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังนำไปพิจารณา และสรุปเป็นร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยสรุปคือ"เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์"แห่งนี้จะเป็นแหล่งสถานสถานบันเทิง หลายประเภทให้มาอยู่ในที่เดียวกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา โรงแรม สวนสนุก ไนคลับ โดย กำหนดให้มีอย่างน้อย 4 ประเภท บวก1 คือ คาสิโน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวคล้ายกับที่ประเทศสิงคโปร์
"นายปันน์" กล่าวว่า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์แห่งนี้จะมีคณะกรรมการที่นำโดยนายกรัฐมนตรี และกรรมการโดยตำแหน่งอีก 9 คน กำกับดูแล ส่วนรูปแบบการดำเนินการจะต้องเป็นบริษัทหรือบริษัทมหาชนซึ่งจดทะเบียนในไทย มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000, ล้านบาท ต่ออายุได้ครั้งละไม่เกิน 10 ปี และจะมีเกณฑ์ผู้เข้าใช้บริการเพื่อ ไม่ให้คนที่ไม่ควรเข้า เข้าไปใช้บริการ โดยใช้โมเดลเดียวกับสิงคโปร์ โดยหากเป็นนักท่องเที่ยวจะสามารถเข้าไปใช้บริการได้แต่หากเป็นคนไทยจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมค่าเข้า เบื้องต้นกำหนดไว้ไม่เกิน 5,000 บาท โดยขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดเรื่องสถานที่ตั้ง และจะตั้งจำนวนกี่แห่ง จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายเป็นผู้กำหนด แต่ในกฎหมายจะระบุชัดเจนว่าจะไม่อนุญาตให้มีการพนันออนไลน์อยู่นอกบริเวณพื้นที่ และไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ยกเว้นบางจุดที่สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวได้
ส่วนสำนักงานจะเป็นรูปแบบ หน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคล ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ จะมีรายรายได้จากค่าธรรมเนียมการให้บริการต่างๆ และมีหน้าที่ในการดูแลผลกระทบทางสังคมด้วย ซึ่งในท้ายพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีการกำหนดประเภทสถานบันเทิงที่จะสามารถเข้ามาให้บริการในเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ได้แต่ก็อาจจะมีประเภทอื่นๆเพิ่มเติมได้อีก
"นายปันน์" กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการรับฟังความคิดเห็นจาก 17 หน่วยงาน และทำประชาพิจารณ์มีประชาชนมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น 4,900 คน โดยมี 4,000 คนเห็นด้วย 82.4% ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วย เพราะไม่เห็นด้วยกับการพนันเป็นอบายมุขผิดศีลธรรม และสร้างค่านิยมที่ผิดมอมเมาประชาชน นอกจากนี้ยังกังวลว่าจะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม รวมเอื้อนายทุนนักการเมืองนำไปสู่การคอรัปชั่น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการพนันที่ผิดกฎหมายได้
ขณะที่ "นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล" ประธานกรรมาธิการได้ถามถึงความคืบหน้า หลังกฤษฎีกามีข้อห่วงใย โดยนายปันน์ ระบุว่า ขณะนี้ก็ยังถกกับกฤษฎีกาเรื่องข้อห่วงใยอยู่ เช่น การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำบางคำ และการกำหนดเกณฑ์รายได้บุคคลที่จะเข้าใช้บริการ ซึ่งก็เข้าใจร่วมกันว่าเพราะกังวลผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคม / นายกรวีร์ ได้ถามถึงวิธีการหาผู้ประกอบการมาดำเนินการเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ "นายปันน์" กล่าวว่า วิธีการสรรหาจะเป็นคณะกรรมการนโยบายกำหนด แต่น่าจะเปิดให้ผู้ประกอบการได้มานำเสนอแผนธุรกิจรวมถึงผลประโยชน์ให้กับภาครัฐด้วย
จากนั้น "นายภัณฑิล มวนเจิม" สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้ถามถึงรูปแบบการเล่นของผู้เล่นจะเป็นเงินสดหรือสินเชื่อ ซึ่งหากเป็นเงินสดอาจเสี่ยงกลายเป็นจุดฟอกเงินสำหรับผู้ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ค้าอาวุธเถื่อน พร้อมทั้งแย้งว่าการเปิดให้ประชาชนมาแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ของไอลอร์ ไม่ใช่การทำประชาพิจารณ์ ซึ่งความเห็นแบ่งเป็น 50 ต่อ 50 ไม่ใช่ 80 ต่อ 20
ด้าน "นายชาคริต ปิตานุพงศ์" ผอ. กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สถานบันเทิงครบวงจรถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เป็น Man-Made destination สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ที่มีรายได้ต่อหัวสูง เพิ่มการจ้างงานที่สูงขึ้นเพิ่ม กระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงโลซีซั่นได้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะประเมินการจัดเก็บรายได้ ซึ่งจะต้องศึกษาการจัดเก็บรายได้ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนการเตรียมความพร้อม กรมการท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะมีการส่งเสริมประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ รวมถึงไกด์ แต่มีข้อสังเกตเพิ่มเติมเรื่องผลกระทบในมิติด้านสังคม สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน และควรเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่มีศักยภาพของไทย เช่นกลุ่มท่องเที่ยวลูอิสเป็นต้น
"นายกรวีร์" ได้ถามความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวถึงตำแหน่งที่เหมาะสมในการตั้งเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ นายชาคริต กล่าวว่า ควรอยู่ในที่ที่ท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเชื่อมโยงกับกลุ่มการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง เช่น แจ้งอยากเชื่อมโยงกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาทางเรือสำราญ ก็ควรอยู่ใกล้กับทะเลสามารถเชื่อมโยงได้สะดวก นายกรวีร์จึงถามย้ำว่าหากเป็น ย่านคลองเตยตามที่เป็นข่าวเหมาะสมหรือไม่ แต่นายชาคริต อึดอัดไม่สามารถตอบได้ ทำให้นายภัณฑิล ถามว่า บนเรือสำราญคูสมีเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ที่เล่นได้อยู่แล้วบนน่านน้ำ หากลงจากเรือมาแล้วยังจะเล่นอีกใช่หรือไม่
จากนั้น"นายบัญชา อินทรวิเศษ" ผู้แทนกรมการปกครอง กล่าวว่า กรมการปกครองมีความเห็นเดียวกันกับกฤษฎีกา ตั้งข้อสังเกตว่ามีความจำเป็นต้องร่างกฏหมายฉบับนี้ขึ้นมาหรือไม่ เพราะ ขณะนี้ก็มีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว โดยการดำเนินการธุรกิจคาสิโนก็มีพระราชกฤษฎีกาให้อำนาจกระทรวงการคลังกำหนดการเล่นและสถานที่การเล่นไว้อยู่แล้ว ตามบัญชีก. ซึ่งหากดูตามร่างกฏหมายฉบับใหม่ กิจกรรมที่จะมีขึ้นในคาสิโนสามารถดำเนินการได้ในสถานที่ที่มีความพร้อมอยู่แล้ว เช่น ในเรือสำราญ หรือห้างสรรพสินค้าเดอะวัน ไม่จำเป็นต้องร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ขึ้นมาอีก ซึ่งหากกระทรวงการคลังเห็นว่า ชนิดการเล่นไม่มีอยู่ในบัญชี ก. กระทรวงมหาดไทยยินดีที่จะแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับความเห็นหรือนโยบายนี้
ทำให้ "นายกรวีร์" สอบถามกระทรวงการคลังว่า เมื่อมีอำนาจในการกำหนดการเล่นและสถานที่การเล่นการพนันได้อยู่แล้วเหตุใดจึงต้อง ร่างกฎหมายฉบับใหม่ขึ้น นายปรนาคินทร์ กตัญญุตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในกฎหมายฉบับใหม่นี้ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการเล่นคาสิโน จึงไม่ได้เสนอให้มีการแก้กฎหมายเกี่ยวกับการเล่นการพนันเป็นการทั่วไป รัฐบาลต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่รวมสถานบันเทิงหลายอย่างมารวมกัน ซึ่งในกฎหมายปัจจุบันจะอนุญาตให้เล่นการพนันเป็นรายกรณีเท่านั้น แต่ในการสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์อาจจะมีผลกระทบที่ต้องศึกษาป้องกันเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในร่างกฎหมายฉบับใหม่จึงมีการกำหนดให้คณะกรรมการศึกษาแนวทางในการป้องกันและเยียวยาปัญหาที่ จะเกิดขึ้นซึ่งกลไกในกฎหมายปัจจุบันไม่สามารถป้องกันได้
"ผมเป็นหนึ่งในคนที่เห็นชอบรายงานผลการศึกษาญัตติเรื่องการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจรเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ แต่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะถ้าเทียบแล้วเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ตามร่างกฎหมายฉบับนี้ใหญ่กว่า หรือเทียบเท่ากับกระทรวงกระทรวงหนึ่ง ดูได้จากคณะกรรมการนโยบาย กรรมการบริหารมีความใหญ่โตมาก สามารถสร้างเป็นกระทรวงใหม่ได้เลย ซึ่งผมมองว่าไม่ใช่ มันสิ้นเปลือง พร้อมทั้งสงสัยว่าใน 10 กิจกรรมทำไมต้องบวกคาสิโน หากเป็น 10 กิจกรรมที่ไม่มีคาสิโนจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ผมเคยเดินทางไปเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่สิงคโปร์แต่ไม่เคยเข้าไปในส่วนของคาสิโน ซึ่งหากเป็นไปตามที่กระทรวงมหาดไทยบอกก็สามารถไปสร้างคาสิโนในห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพหรือไอคอนสยาม ก็ได้แล้ว" นายราชิต สุดพุ่ม สส.ประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการ
วันนี้พูดแต่เรื่องเอาเงินมาลงทุนซึ่งมันไม่ใช่มันมีมิติทางสังคมอีกเยอะแยะ มองว่ามันไม่ถูก อีกทั้งในแง่ของกฎหมายเปรียบเสมือนมีกฎหมายซ้อนพิเศษขึ้นมาเพื่อคนเหล่านี้ต่างจากกฎหมายเดิมที่กระทรวงมหาดไทยดูแลรับผิดชอบอยู่ และหากเกิดปัญหาสังคมใครเป็นคนรับผิดชอบ คนอนุญาตอยู่ตรงนี้ แต่คนรับผิดชอบคือผู้ว่าฯและรองผู้ว่าราชการจังหวัด ฉะนั้นมองว่าเหตุผลมันไปด้วยกันไม่ได้กับสิ่งที่ถูกเสนอมาและมันใหญ่เกินไปที่ประเทศจะต้องไปสูญเสียกับเรื่องเหล่านี้
ด้าน "นายภัณฑิล" กล่าวว่า หากมีการอนุญาตให้คาสิโนเปิด 24 ชั่วโมง สามารถดื่มกินและสูบบุหรี่ได้ทุกที่ แล้วข้อกำหนดตามกฏหมายอื่นจะทำอย่างไร เปรียบเสมือนการตั้งเขตปกครองพิเศษซึ่งหากแพทย์ ออกมาแย้งไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยกับความเห็นของหลายคนที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสร้างให้ใหญ่เพียงแห่งเดียวทำไมไม่ลองทำสถานบริการขนาดเล็กก่อน โดยอาจไปสร้างในสนามบินหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อทดลองว่าสามารถควบคุมได้หรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมเรื่องผลกระทบทางสังคมตอนนี้ประเทศไทยยังไม่ีจิตแพทย์ที่มีลายเส้นบำบัดการติดการพนัน
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการชี้แจง "นายชาคริต" เน้นย้ำว่า แนวคิดต่างๆที่ปรากฏอยู่ในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มาจากรายงานที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร