
15 มกราคม 2567 ถือเป็นการโหมโรงสำหรับรัฐบาลรับต้นปี 2567 หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. เตรียมขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เพื่อให้ความเห็นและเสนอแนะไปยังรัฐบาลต่อการทำงาน ท่ามกลางกระแสข่าวเกิดการล็อบบี้ สว. เพื่อไม่ให้สามารถเปิดอภิปรายได้
ล่าสุด "นายเสรี สุวรรณานนท์" สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า การรวบรวมรายชื่อ สว.เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลตามมาตรา 153 โดยย้ำว่า ตอนนี้ยังคงมีความหวัง จะสามารถเปิดอภิปรายได้ โดยจะต้องได้รายชื่อมากกว่า 84 เสียง หรือประมาณ 90 เสียงให้เพียงพอ เพราะเคยมีการขอถอนชื่อในภายหลัง
"ย้ำว่าตอนนี้มีความพยายามล็อบบี้ สว. ไม่ให้ลงชื่อรับรองญัตติ ซึ่งขณะนี้ ได้เพียง 80 เสียง จาก 250 เสียง ซึ่งหากไม่มีคนมาล็อบบี้ ก็เชื่อว่าจะได้รายชื่อครบนานแล้ว เพราะมี สว.บางส่วนได้พูดตรง ๆ ว่า มีคนมาขอไม่ให้ลงชื่อ เพราะรัฐบาลเพิ่งทำงาน 4 เดือน และบางคนก็ยอมรับว่า มีความสนิทสนมกับรัฐบาล แต่ยืนยันว่า นี่คือการทำหน้าที่ของวุฒิสภา และไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล เพียงต้องการให้รัฐบาลมาชี้แจง เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ดังนั้น ผู้ที่จะไม่ให้เกิดการอภิปรายถือว่า คิดผิด ขอให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ เพราะเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อประชาชนประเทศชาติและรัฐบาล ซึ่งหากเปิดอภิปรายได้ ก็จะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อวุฒิสภา ที่เหลือเวลาทำงานช่วงสุดท้าย เพื่อยืนยันว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของใครทั้งสิ้น" นายเสรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถเปิดอภิปรายได้ จะทบทวนบทบาทของ สว. ที่เคยยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขออย่านำมารวมกัน เพราะเป็นคนละเรื่องกับการทำหน้าที่ และตอนลงมติเลือกนายกฯถือเป็นเรื่องหนึ่ง และการทำหน้าที่ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเรื่องของ "นายทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ จะเป็นประเด็นหนึ่ง ที่สมาชิกวุฒิสภาจะอภิปราย แต่ก็ยังมีประเด็นอื่น ๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต , ปัญหาเศรษฐกิจ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ หากนำมาพูดกันในที่ประชุมรัฐสภาน่าจะเป็นเรื่องดี
ส่วนมีการไปขอเสียงจาก สว.ที่เป็นสัดส่วนของผู้นำเหล่าทัพหรือไม่นั้น โดยผู้นำเหล่าทัพถือเป็นข้าราชการ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ดังนั้น การไปขอเสียงกับผู้นำเหล่าทัพ ก็ทราบดีอยู่แล้วว่า จะไม่ได้รับเสียง และการประชุม กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วันนี้ (15 ม.ค.) ก็จะมีการพูดคุยถึงการขอเปิดอภิปรายด้วย โดยประเด็นแรก คือ ต้องให้เสียงครบก่อน จากนั้นจะค่อยคุยเรื่องประเด็นที่นำไปสู่การอภิปราย แต่เชื่อว่าเสียงน่าจะถึงเพื่อเปิดอภิปรายได้
ด้าน "นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ" สว. กล่าวว่า ความคืบหน้าการล่ารายชื่อเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลนั้น ขณะนี้ได้รับรายงานว่า จะมี สว.มาลงชื่อถึง 84 เสียง และอาจจะเกินไปเล็กน้อยจนถึง 90 เสียง ทำให้สามารถเปิดอภิปรายได้ และคาดว่า จะสามารถเสนอประธานวุฒิสภาได้ในสัปดาห์หน้า เพื่อส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) และรัฐบาล จะพิจารณาว่าให้มีการเปิดอภิปรายได้เมื่อใด
ส่วนกระแสข่าวมีการล็อบบี้ไม่ให้เปิดอภิปรายได้นั้น อย่าเรียกเป็นการล็อบบี้ หรือการสกัด เพราะ สว. 250 คน มีเอกสิทธิ์ในการที่จะเข้าชื่ออย่างไรก็ได้ และการจะร่วมลงชื่อหรือไม่ เป็นเอกสิทธิ์ของ สว.แต่ละคน ส่วนการโน้มน้าวไม่ให้ สว.ร่วมลงชื่อ โดยอ้างเรื่องรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศ และเรื่องนายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวนั้น จากการได้รับฟังหลายฝ่าย ยืนยันได้เลยว่า อนาคตจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เพราะเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้อภิปราย เพราะกังวลเรื่องของนายทักษิณ จะกระทบต่อเรื่องกระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก จะเป็นการจารึกไว้ว่า เป็นเรื่องประหลาดไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทย แต่จะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
สำหรับ สว.ส่วนใหญ่ มองเรื่องนายทักษิณ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องกับกระบวนการยุติธรรมหรือไม่นั้น เห็นว่าแล้วแต่บุคคลที่มีข้อมูล และมีหลักฐานที่อภิปรายให้ประชาชนรับฟัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะมาตอบ รวมถึงเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต เรื่องนายทักษิณ และปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่า เรื่องของนายทักษิณ ไม่พ้นที่จะถูกนำมาอภิปรายแน่นอน
ด้าน "นายวันชัย สอนศิริ" สว. กล่าวว่า เรื่องการล็อบบี้ สว. ไม่ให้ลงชื่อญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมีทั้งการติดต่อเชิญชวนให้มาลงชื่อของกลุ่มที่สนับสนุน และยอมรับว่ายังมีกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยให้อภิปราย ก็มีการล็อบบี้สมาชิกไม่ให้ลงชื่อ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ไม่ได้มีเหตุขัดแย้งกัน ซึ่งกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็ประเมินว่า การล่ารายชื่อครั้งนี้ เสียงคงไม่ถึง 84 เสียง
"เท่าที่ติดตามมี สว. ที่ลงชื่อแล้ว 77-78 คน ซึ่งขาดอีกเพียงไม่กี่เสียงก็จะครบ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงจะเพียงพอ เพราะจะต้องสำรองไว้ให้เกิน 84 เสียง เนื่องจาก อาจมี สว.ถอนรายชื่อทำให้ไม่ครบ 84 เสียงได้ และเห็นว่าการลงชื่อของ สว. ครั้งนี้ อยู่ระหว่างก้ำกึ่งกัน ซึ่ง สว. กลุ่มใหญ่ที่เป็นส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ถ้ายังไม่มีความเคลื่อนไหว การดำเนินการเรื่องใด ๆ ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยกลุ่มนี้มีท่าทีเป็นกลางและไม่เห็นด้วย แต่กลุ่มที่เคลื่อนไหวกลับเป็น สว. ฝ่ายพลเรือน และสายอิสระ" นายวันชัย ระบุ
ทั้งนี้ ส่วนตัวประเมินว่า กลุ่มที่ไม่สนับสนุนให้มีการเปิดอภิปราย เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งทำงานได้เพียง 3-4 เดือน งบประมาณยังไม่ได้ใช้ และเป็นกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ จึงควรเปิดโอกาสให้แสดงฝีมือ บริหารราชการแผ่นดินก่อน จึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะเร่งเครื่องตรวจสอบ
ส่วนหากสามารถเปิดอภิปรายทั่วไปได้แล้วจะส่งผลกระเทือนต่อรัฐบาลหรือไม่นั้น ซึ่งการอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ เป็นการสอบถามรัฐบาลเท่านั้น เพราะวุฒิสภา ไม่ได้มีการลงมติไม่ไว้วางใจเหมือน สส. แต่เป็นโอกาสให้รัฐบาลชี้แจงข้อสงสัย ถือเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แต่อีกมุมหนึ่ง สว. กำลังจะถล่มรัฐบาล หรือมองรัฐบาลเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็เป็นเรื่องที่สามารถจะมองได้
สำหรับกรณีของนายทักษิณ ก็อาจเป็นประเด็นหนึ่ง แต่กว่าจะมีการอภิปรายทั่วไป ก็ช่วงเดือน ก.พ. และในช่วงปลายเดือน มี.ค. นายทักษิณ ก็อาจจะออกจากชั้น 14 ไปแล้ว จากการพักโทษ ซึ่งเหตุการณ์อาจจะผ่านไปแล้ว จึงควรใช้วิธีการตั้งกระทู้ถามดีกว่า แต่ส่วนตัวไม่ได้ลงชื่อร่วมอภิปรายในครั้งนี้ เพราะยังเป็น สว.กลางๆ ไม่ได้เห็นด้วยกับการอภิปราย แต่หากสามารถเปิดอภิปรายฯ ได้ ก็จะร่วมอภิปรายด้วย
ส่วนจะสรุปกลุ่มที่คัดค้านการอภิปรายฯ คือ กลุ่มที่ลงมติโหวตสนับสนุน "นายเศรษฐา ทวีสิน" เป็นนายกฯ และกลุ่มเห็นด้วยให้มีการเปิดอภิปราย คือ กลุ่มที่งดออกเสียง หรือไม่เห็นด้วยกับการให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯหรือไม่นั้น นายวันชัยกล่าวว่า บางกลุ่มที่งดออกเสียง และกลุ่มที่ไม่โหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ ก็เป็นไปได้ รวมถึงกลุ่มที่เห็นปัญหาจริง ๆ ซึ่ง สว.บางคน เห็นว่า ควรนำเรื่องที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์มาอภิปรายฯ และบางคนเห็นว่าการอภิปราย มาตรา 153 เป็นอาวุธที่ สว.ไม่เคยใช้มาก่อน จึงอยากนำมาใช้ในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งทั้งหมดถือเป็นข้อโต้แย้ง โต้เถียง แต่ส่วนตัวอะไรก็ได้ ไม่ถึงขนาดว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
สำทับด้วย "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้ความเห็นต่อกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป ครม. ตามมาตรา 153 ว่า รัฐทำอะไรก็ตามภายใต้กรอบกฎหมาย และเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองรวมถึงประชาชน ซึ่งก็จะทำให้ดีที่สุด และต้องตอบได้
"เมื่อท่านผู้ทรงเกียรติถามเรา ยืนยันว่าเปิดเผยได้ทุกเรื่อง ไม่มีอะไรหมกเม็ด ถ้าทำอะไรเพื่อประชาชนแล้ว เราถูกอภิปราย ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจน ต้องกล้าทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และประชาชน ไม่งั้นเราไม่กล้าทำ เราอย่ามาเล่นการเมืองเลย" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ ที่ สว. เปิดการบ้านมาอาจจะอภิปรายประเด็นการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์เถื่อน รวมถึงการเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า สินค้าเถื่อนทาง นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตอบได้ทุกเรื่อง พร้อมยืนยันว่า มาปราบปราม และจะมาอภิปรายกันเรื่องอะไร
ส่วนประเด็นการเปลี่ยน ส.ป.ก.4-01 เป็นโฉนดการเกษตรก็เพื่อแปลงสินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน "ใครอภิปรายผม ก็โดนชาวบ้านด่าไป" ก่อนย้ำว่า ตนไม่รู้สึกกังวล
"อนุสรณ์"ยันรัฐไม่ต้องล็อบบี้สว.หนีอภิปราย
ขณะที่ "นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด" สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นสิทธิ แต่ต้องยอมรับว่า มี สว. จำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยและไม่สบายใจกับการอภิปรายรัฐบาลในช่วงเวลานี้ เพราะมองไม่เห็นว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร การอภิปรายของวุฒิสภาคงเป็นไปในลักษณะอภิปรายถามตอบ คงไม่ส่งผลกระทบอะไรกับรัฐบาล สิ่งใดที่เป็นประโยชน์รัฐบาลก็นำมาปรับใช้ อะไรที่สว.สงสัยถามมา รัฐบาลก็ตอบไป
ทั้งนี้ หากมองด้วยมุมเชิงบวก ก็จะเป็นเวทีให้รัฐบาลได้ชี้แจงผลงานให้ประชาชนได้รับทราบอีกช่องทางหนึ่ง รัฐบาลจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ในการไปล็อบบี้ให้ สว. คนใด ไม่ไปลงชื่อหรือลงชื่อ ต้องเคารพต่อการใช้ดุลพินิจและการตัดสินใจของ สว. ทุกคนด้วย
"ก่อนพ้นวาระ ถ้า สว.จะฝากชื่อให้ประชาชนจำ สามารถทำได้หลายวิธี แต่การดำเนินการใดที่อาจกระทบต่อบรรยากาศการทำงานเพื่อประชาชนของรัฐบาล หรืออาจกระทบต่อความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติต้องระมัดระวัง" นายอนุสรณ์ กล่าว