svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อัจฉริยะ"ยื่นกมธ.สอบ"หมูเถื่อน-ตีนไก่"ลั่นเปิดอีกขรก.ถึงรมต.มีหนาว

"ทนายอัจฉริยะ" บุกสภายื่นหลักฐาน "รังสิมันต์" สอบ "หมูเถื่อน-ส่งออกตีนไก่-เคลมภาษีน้ำมัน" ลั่นหากทำตรงๆ ไม่มีเกรงใจกัน เอาผิดได้ถึงระดับผู้ใหญ่ ด้าน "โรม" งงปัญหาทำไมยืดเยื้อ มั่นใจสาวถึงตัวการใหญ่ไม่ยาก มองกฎหมายหย่อนยาน ถามอยากให้เรื่องนี้จบแบบไหน

7 ธันวาคม 2566 กรณี "หมูเถื่อน" นับเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เพราะถือเป็นเรื่องใกล้ตัว และยิ่งเฉพาะขณะนี้ เรื่องราวดูจะบานปลาย เนื่องจากมีการตัวละครที่เกี่ยวข้องปรากฏออกมาเรื่อย ๆ รวมถึงมีความเชื่อมโยงไปยังนักการเมืองอีกด้วย 

โดย "นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์" ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่จุดรับหนังสือ สภาผู้แทนราษฎร โดยนำหลักฐานร้องเรียนมามอบให้ "นายรังสิมันต์ โรม" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ตรวจสอบใน 3 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ประกอบด้วย

  1. การลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรเถื่อน โดยมีข้าราชการระดับกรม 3 กรม เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจจะโยงไปถึงนักการเมืองบางคน โดยถือว่าคืบหน้าไปมาก
  2. การสวมสิทธิ์ส่งออกตีนไก่ไปยังประเทศจีน ซึ่งเกี่ยวพันกับอดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์
  3. การส่งออกน้ำมันไปยังเมียนมาและวนกลับมาจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีการขอคืนภาษีแบบผิดกฎหมาย 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทำมาแล้ว 6 ปี

โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ รวมถึงผู้ประกอบการและเกษตรกร ประเมินมูลค่าความเสียหายเป็นแสนล้านบาท ซึ่งสิ่งที่นำมามอบในวันนี้ (7ธ.ค.) เป็นหลักฐานเบื้องต้น แต่หากวันที่กมธ.เรียกชี้แจง ตนจะมีตัวบุคคลที่รับเงินใต้โต๊ะ ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงอธิบดี และเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรี ซึ่งตนได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งหลักฐานเรื่องหมูเถื่อนและตีนไก่ 

"ถ้าเอาแบบจริงจัง ไม่มีเกรงใจกัน ก็ถึงกันหมดทุกคน เพราะหลักฐานทิ้งร่องรอยด้วยเอกสาร คนทำชิปปิ้ง ก็ให้การรับสารภาพแล้ว รวมถึงมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ กรมประมง และกรมศุลกากรก็ให้การซักทอดไปถึงผู้ใหญ่หมดแล้ว ขณะนี้มีครบแล้ว" นายอัจฉริยะ กล่าว

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องยอมรับว่าเรื่องหมูเถื่อนเป็นเรื่องที่ใหญ่ บางคนอาจจะมองว่าเป็นแค่เรื่องหมูไม่น่าจะมีอะไร แต่ต้องยอมรับว่าปัญหานี้ไม่ได้มีแค่การลักลอบนำเข้ามาแบบผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงการบังคับใช้กฎหมายว่ามีปัญหาอย่างไร

"เรื่องนี้หากเราไม่เอาผิดทางกฎหมาย เราจะไม่มีทางรู้ว่าสินค้าทางการเกษตรที่เข้ามาสู่ไทย จะมีคุณภาพหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคนไทยหรือไม่ ยังไม่นับว่าอาจจะมีคนที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมือง เป็นคนสำคัญของบ้านเมือง เป็นคนที่มีชื่อเสียงของบ้านเมือง อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องอีกด้วย นอกจากนั้น ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรราคาหมูในประเทศที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรต่อไป" นายรังสิมันต์ กล่าว  

อย่างไรก็ตาม เรื่องหมูเถื่อนจึงไม่ใช่แค่หมูเถื่อน แต่หมายความรวมถึงความหย่อนยานทางกฎหมาย ปัญหาทางสุขภาพ ปัญหาที่เกษตรกรอาจจะได้รับ และอื่นๆอีกมากมาย เพราะฉะนั้น ตนในฐานะประธานกมธ.ความมั่นคงฯ จะเอาเรื่องนี้เข้าหารือในกมธ. เพื่อที่จะได้มีประชุมและจะพิจารณากันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งขอบเขตของ กมธ. ค่อนข้างกว้างครอบคลุมหลายเรื่อง จึงสามารถพิจารณาประเด็นเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเรื่องหมูเถื่อนเมื่อพิจารณาแล้ว อยู่ในส่วนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิบัติประเทศ หรืออาจจะกระทบกระเทือนต่อกฎหมายเหล่านี้ ก็สามารถบรรจุเข้าพิจารณาได้ แต่ก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเข้าในขอบเขตไหนบ้าง จึงขอไปพิจารณา และปรึกษากันในกมธ.ก่อน

ส่วนกระบวนการการตรวจสอบหมูเถื่อนนั้น มองว่าเรื่องนี้ค้างมาเป็นเวลานาน ซึ่งความจริงตนก็คิดคล้ายๆ กับนายอัจฉริยะ และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และน่าจะสาวไปถึงตัวการคนสำคัญได้หมด คำถามอยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ และแปลกใจว่าทำไมถึงยื้อกันนานขนาดนี้ ถ้าเรื่องไปถึงระดับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และความพยายามแสดงออกของฝ่ายต่างๆ เรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว ถ้ามาถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจัดการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ ระบบกฎหมายจะมีใครเชื่อถือ

"ไม่ใช่เป็นแค่การสาวคนที่เกี่ยวข้อง แต่เราต้องมานั่งคิดว่า มีเจ้าหน้าที่ใครบ้างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เราจะสามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก และก็จะดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่แค่หมูเถื่อน ที่นายอัจฉริยะมายื่นในวันนี้ ยังมีเรื่องตีนไก่ด้วย ก็ต้องตรวจสอบต่อไป ว่าจะมีใครที่จะเกี่ยวข้องกับกรณีนี้บ้าง ซึ่งเรื่องตีนไก่ ยังไม่ได้ดูรายละเอียด จึงขอศึกษาและพูดคุยกับกมธ. เพื่อหาข้อสรุปก่อน" นายรังสิมันต์ ระบุ 

ส่วนในช่วงปีที่แล้วที่มีการระบาดของโรคอหิวาตกโรคในหมู แล้วรัฐปิดบังประชาชน ทำให้การตรวจสอบหมูเถื่อนยืดเยื้อนั้น โดยหลักการสำคัญ คือ ต้องให้ทำให้ประชาชนมีข้อมูล ประชาชนจึงสามารถแก้ปัญหาเบื้องต้น และรับมือและขั้นตอนต่อไปได้ หากเกิดเหตุแบบนี้ แต่ปัญหาคือในช่วงเวลาที่มีโรคระบาด ประชาชนไม่รู้ว่าเจอกับอะไร และต้องรับมืออย่างไร ไม่ได้มีแผนสำรองมาตรการภาครัฐก็ไม่ชัดเจน 

"กระบวนการเหล่านี้เหมือนปล่อยให้ประชาชนที่เป็นเกษตรกรอยู่บนเรือ แล้วปล่อยให้อยู่กลางทะเล จะอยู่อย่างไร จะไปรอดหรือเปล่า ไม่มีทางรู้ ดังนั้น สิ่งสำคัญเมื่อเกิดปัญหาที่เป็นวิกฤต ภาครัฐมีหน้าที่จะต้องให้ความจริงกับประชาชน อย่าไปกังวลว่าถ้าให้ข้อมูลไปแล้ว จะมีผลกระทบในลักษณะที่มีความกังวลหรือไม่ เดี๋ยวจะมีผลกระทบต่อตลาดหรือไม่ บางครั้งหากมีวิกฤตเกิดขึ้น อย่าคิดว่าคนอื่นเขาไม่ทราบ ถ้าเราให้ข้อมูลกับประชาชน การเตรียมตัวต่างๆ ก็จะตามมาประชาชนก็จะได้รับมือได้ นี่คือสิ่งที่คิดว่าสำคัญ และเป็นบทเรียนของกระทรวงเกษตรฯ ในรอบที่แล้ว ในการแจ้งเตือนข้อมูลต่างๆให้ทางทันท่วงที" นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับนายทุน มองว่าการตรวจสอบจะสาวไปถึงหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถ้าสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา ไม่ได้นำไปสู่การแก้ปัญหาจริงๆ คือ การจัดการกับคนที่เรียกว่านายทุน หรือปลาตัวใหญ่ของเรื่องนี้ ถ้าไม่มีการจัดการไปถึงระดับนั้น สุดท้ายก็เป็นแค่การตัดตอน คำถามคือวันนี้เริ่มหมูเถื่อน จะจบแบบไหน จบแบบตัดตอน หรือสุดท้าย เป็นการแก้ปัญหาจริงๆ ที่จะนำไปสู่การทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่หย่อนยานแบบที่ผ่านมา นี่คือสิ่งที่สำคัญ