
30 พฤศจิกายน 2566 กลายเป็นสายล่อฟ้า เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา ให้มีการโยกย้าย "พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล" จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยมีการคาดการถึงสาเหตุน่าจะมาจากเรื่อง "หมูเถื่อน"
โดย "นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์" อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนในราชอาณาจักรไทยนั้น ถือเป็นมูลฐานความผิดตาม พ.ร.บ.การฟอกเงิน มาตรา 3 (5) และ (7) ที่ระบุว่าเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ส่วน (7) ที่ระบุว่า เป็นความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้เข้าตรวจค้นบริษัทค้าปลีกค้าส่งแห่งหนึ่ง ซึ่งพนักงานของบริษัท มีการให้สัมภาษณ์และยอมรับว่ามีการซื้อเนื้อหมูนำเข้า ตามที่ดีเอสไอขอหมายค้นจริง โดยนำมาจำหน่ายต่อในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดปกติ เช่น เนื้อหมูสะโพกราคาตลาดสดทั่วไป ขายที่กิโลกรัม (กก.) ละ 150 -170 บาท ส่วนราคาขายส่งที่ตลาดกลาง หรือที่ตลาดไทขายเนื้อชนิดเดียวกันที่ กก.ละ 132 บาท แต่ที่ห้างค้าปลีกค้าส่งดังกล่าว กลับขายที่ กก.ละ 107 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 พ.ย. 2566 ตามหลักฐานใบเสร็จ)
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้พนักงานของบริษัทค้าปลีกค้าส่ง ปฏิเสธไม่ทราบว่าเป็นหมูเถื่อน และซื้อมาถูกต้องตามกฎหมายนั้น แต่ๆ กลับมีการนำมาขายต่อในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด และราคาในตลาดกลางขายส่ง กก.ละ ประมาณ 30 บาท จากข้อเท็จจริงนี้ จึงเป็นที่น่าแปลกใจว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทดังกล่าว ที่ขายอาหารสัตว์โดยเฉพาะที่ขายอาหารหมู และส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรวมถึงฟาร์มหมู แต่กลับนำเนื้อหมูมาขายตัดราคาของตลาดกลาง และร้านค้าปลีกในตลาดสดถึงกิโลกรัมละเกือบเท่าตัว
"อย่างน้อยที่สุดผู้บริหารของบริษัทควรตั้งข้อสังเกตได้ว่า ถ้าไม่ใช่เนื้อหมูเถื่อนที่นำเข้าผิดกฎหมายแล้ว จะซื้อมาขายต่อในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดได้อย่างไร และถือเป็นการทำลายกลไกตลาด และการเลี้ยงหมูของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในประเทศไทยให้ได้รับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม" นายชาญชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เมื่อ "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เร่งรัดเรื่องการปราบปรามเอาผิดกับตัวการใหญ่ และผู้ลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนต่ออดีตอธิบดีดีเอสไอที่เพิ่งถูกย้าย ว่าทำไมไม่จับตัวการใหญ่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เร่งดำเนินการสนองตอบ โดยเข้าตรวจค้นและจับกุม แต่สุดท้ายกลับมีการย้ายอธีบดีดีเอสไอ ให้ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมแทน
นายชาญชัย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ถ้านายกฯ ปฎิเสธว่าการย้ายครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อน ก็ต้องเร่งดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน ตามมาตรา 3 (5) และ (7) คือ ต้องอายัดและยึดทรัพย์เหมือนรายอื่นๆ ที่ดำเนินการมาแล้ว อาทิ กรณีการจับกุมเนื้อหมูเถื่อนนำเข้าผิดกฎหมาย 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงเดือน ก.ค. 2566 ที่สำนักงาน ปปง.ได้มีคำสั่งอายัดและยึดทรัพย์ของบริษัทที่นำเข้าเนื้อหมูเถื่อนและนายทุนผู้เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ รวมถึงที่ดิน รถยนต์ และเงินฝากในบัญชีธนาคาร รวม 24 บัญชี ซึ่งรวมมูลค่า 53 ล้านบาทไปแล้วนั้น รัฐบาลนี้ก็ต้อง ดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้กรณีการทุจริตคอร์รัปชัน หรือทำผิดกฎหมายการฟอกเงินที่เข้ามูลฐานความผิด รัฐบาลสามารถอายัดและยึดทรัพย์มาได้ โดยสามารถนำเงินดังกล่าว มาใช้ดำเนินการในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ประกาศสัญญาประชาคมต่อสังคมไทยในการหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยไม่ต้องออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทได้ด้วย
ลุ้นกฤษฎีกาตีความเงินหมื่นดิจิทัลได้หรือไม่ต้องมีคำตอบให้ปชช.
ขณะที่ นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการ 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต ระหว่างลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ หลังมีชาวเชียงใหม่และทุกจังหวัดทวงถาม ว่า ทุกวันทุกเรื่องเป็นเรื่องที่กดดัน เป็นเรื่องที่อยากให้ประชาชนได้จริง ก็มารับฟังทุกคนก็เห็นว่าคนต้องการ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนอยากได้จริงๆ
ทั้งนี้ ยังไม่ได้สอบถามความคืบหน้า โดยช่วงบ่ายวันนี้ (30พ.ย.) จะโทรศัพท์หา "นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รมช.คลัง ถึงเรื่องนี้ โดยยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ และยังคงเดินหน้าตามไทม์ไลน์เดิม หากคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความออกมาในเชิงลบ จะมีการปรับแผนหรือไม่นั้น เดี๋ยวคงมีการพูดคุยกัน ซึ่งตอนนี้มุ่งมั่นจะทำเรื่องนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล จะได้หรือไม่ได้อย่างไรต้องมีคำตอบให้ประชาชน