svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"เศรษฐา"ลั่นไม่เลิกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแม้โดนวิจารณ์ยันรับฟังทุกเสียง

07 ตุลาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เศรษฐา" ประกาศชัดเจนไม่ยกเลิกดิจิทัลวอลเล็ต มองนักวิชาการมีเพียง 1 เสียง เทียบประชาชน 10 ล้านคนอยากได้ ชี้งบ 5 แสนล้าน ทำครั้งเดียวหวังเติมต้นทุนประกอบอาชีพ ยันน้อมรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย

7 ตุลาคม 2566 "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวภายหลังมีนักวิชาการออกมาคัดค้านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า การลงพื้นที่มีประชาชนแสดงเจตจำนงว่าอยากได้มาก ซึ่งตนก็ดีใจ แต่ตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีนักวิชาการหลายคนไม่เห็นด้วย เรียกร้องให้ยกเลิกโครงการนี้ แต่ยืนยันว่าตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ ทางรัฐบาลนี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้มีการรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากทุกหน่วยงาน รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมน้อมรับน้อมไปพิจารณา เพื่อจะมีการปรับปรุงแต่งเติม ให้ทุกอย่างดูดีขึ้น พร้อมกล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า "แต่ไม่มีการยกเลิกครับ"

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า โครงการเงินดิจิทัลไม่ใช่โครงการหาเสียง ไม่ใช่โครงการที่มาโปรยเงินให้ประชาชนกลับมาเลือกตั้ง แล้วเลือกเราไม่ใช่ แต่มีความจำเป็น และมีความต้องการของประชาชนที่ต้องการรับความช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารงาน ประมาณ 1 เดือน เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะไปทำมาหากินประกอบอาชีพได้

 

"เดิมรัฐบาลมีการลดค่าไฟฟ้าค่ะพลังงานเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทแล้ว และในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการพักหนี้เกษตรกร ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นและสำคัญ เพราะการที่ประชาชนมีรายจ่ายเยอะ มีภาระเยอะ ก็ไม่มีขวัญกำลังใจทำมาหากิน การที่เราลดภาระเรื่องค่าใช้จ่าย จะทำให้ประชาชนมีขวัญและกำลังใจในการทำมาหากิน แต่ปัญหานี้เกิดขึ้นว่าหากมีขวัญและกำลังใจแล้วจะนำเงินทุนมาจากที่ใด" นายเศรษฐา กล่าว  

นายกฯ กล่าวต่อว่า คนต่างจังหวัดไม่ได้มีเงินเยอะ เหมือนคนที่อยู่ฐานบนของสังคม ความเหลื่อมล้ำมีมากในสังคมไทย เขาไม่มีเงินงบประมาณโครงการของดิจิทัลวอลเล็ต ใช้งบประมาณ 5 แสนล้าน ซึ่งไม่ใช่งบประมาณที่ทำทุกปี ขอทำความเข้าใจว่า ทำแค่หนเดียว ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเอามาซื้อเสียงมา เพื่อเอาให้โดนใจประชาชน แต่ทำเพื่อให้มีเงินทุนมาประกอบอาชีพ อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี 

 

"การที่นักวิชาการที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ผมน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ท่านเป็นเพียงหนึ่งเสียง แต่ประชาชนมีเป็น 10 ล้านเสียง ที่ต้องการเงินดิจิทัล ผมน้อมรับ ที่จะนำไปปรับปรุง เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดเกิดกับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่เสียภาษี หรือประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมมานาน รัฐบาลนี้จะไม่ลุด้วยอำนาจ จะรับฟังความคิดเห็น แต่เหนือสิ่งอื่นใดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ขาดเงินทุนไปดำรงชีพ เป็นเรื่องสำคัญที่สุด และ ยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่มีการยกเลิกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท" นายเศรษฐา ระบุ 

ขณะเดียวกัน ขอวิงวอนนักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นมาเยอะ ก็อยากให้แสดงความคิดเห็นออกมาอีก ซึ่งนักวิชาการที่เห็นด้วยก็มี ตนในฐานะคนกลาง เป็นตัวแทนของประชาชนก็จะนำไปพิจารณาปรับปรุงต่อไป ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ให้โดนใจทุกคน

เมื่อถามว่า ได้มีการคุยกับนักวิชาการที่เห็นต่างแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ได้มีการพูดคุยมาโดยตลอด โดยเฉพาะผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และมีทีมงานไปรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายๆคนมาโดยตลอด ซึ่งตนก็มองว่าเป็นไปได้ ที่ยังมีนักวิชาการยังไม่เห็นข้อมูลที่รัฐบาล จะนำมาแถลงจึงคัดค้านออกไปก่อน แต่ขอให้เห็นข้อมูลก่อนว่า นโยบายนี้มีรายละเอียดอะไรบ้าง

อย่างไรก็ตาม ยืนยันอีกครั้งว่านโยบายนี้เป็นโครงการครั้งเดียว และไม่ได้ทำทุกปี ทำแล้วไม่ใช่แค่ประชาชนจะได้ ภาคอุตสาหกรรมก็จะได้ ต้องดูว่าเงินเข้าสู่กระเป๋าประชาชน กว่า 5 แสนล้านบาท เป็นท่านจะผลิตสินค้าออกมารองรับหรือไม่ ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตการจ้างงาน เกิดการจ่ายภาษีเกิดขึ้น รัฐบาลไม่ใช่จ่ายอย่างเดียว รัฐบาลมีรับกลับมาด้วย รัฐบาลคิดแล้ว และน้อมรับฟังทุกฝ่ายก่อนที่เศรษฐกิจจะกลับมาได้ ต้องมีเงินทุนก่อน

ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าส่วนตัวกังวลทุกเรื่อง แต่ให้ความสำคัญกับข้อคิดเห็นทุกฝ่าย ถ้าทักท้วงมาก็มีความกังวล เพราะเชื่อว่าทุกคนก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิ์จะให้ความเห็นลงมา แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด

logoline