แต่จริงๆแล้ว ไม่น่าแปลกใจนักที่จะได้กลิ่นของเหล้าเก่าในขวดใหม่ เพราะองค์ประกอบของรัฐบาล "เศรษฐา 1" หรือที่บางคนเรียกว่า รัฐบาล "นิด 1" (ตามชื่อเล่นของนายเศรษฐา ชื่อ นิด) มาจากขั้วรัฐบาลเดิมเป็นหลัก
แต่ละพรรค จะมีการคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีของพรรคตัวเอง ตามโควต้าต่างๆ เช่น ของพรรค "เพื่อไทย" มีทั้งที่เป็นการกระจายตาม โควตาแกนนำ กรรมการบริหารพรรค ,โควตากลุ่ม สส.อีสาน เหนือ ให้ส่งตัวแทนมา , โควตานายทุน และโควตาคนนอก แต่ทั้งหมดนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจาก "นายใหญ่" แล้ว
รมต.เหล้าเก่าในขวดใหม่-คนเดิมตำแหน่งใหม่
หากดูจากรายชื่อตาม "โผ ครม.นิด 1" มี รมต. จาก รัฐบาล "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลายคนเลยทีเดียว ที่กลับมามีชื่อเป็น รมต.อีกครั้งในรัฐบาล “นิด 1” ลองไล่เรียงรายชื่อดูว่าใครบ้างที่เป็นเหล้าเก่า ในขวดใหม่ คนเดิมแต่เพิ่มเติมแค่ย้ายขวด บางคนใน โผ ครม.ชุดใหม่ นี้ เรียกว่าได้อัปเกรด มานั่งเก้าอี้ที่ใหญ่กว่าเดิม เริ่มจาก
นาย อนุทิน ชาญวีรกูล อายุ 56 ปี
ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อายุ 58 ปี
นาย วราวุธ ศิลปอาชา อายุ 50 ปี
นาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อายุ 69 ปี
นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน อายุ 68 ปี
นาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ อายุ 68 ปี
นาย สันติ พร้อมพัฒน์ อายุ 71 ปี
นาย อนุชา นาคาศัย อายุ 63 ปี
นาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อายุ 64 ปี
"รัฐมนตรี" ผลัดกันชม
อีก 1 ภาพจิ๊กซอว์ที่น่าสนใจ ที่ปรากฎอยู่ใน "รัฐบาลสลายขั้ว"
คือการ "ส่งไม้ต่อ" ตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างพี่น้อง โดยหากเป็นไปตามโผรายชื่อ ครม.ที่ออกมา จะมี 3 คู่ ที่อาจจะเรียกว่า ตำแหน่งผลัดกันชม
เริ่มจาก"พรรคพลังประชารัฐ"
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (อายุ 78 ปี) รองนายกฯ ซึ่งรอบนี้ไม่ได้รับตำแหน่งใดในครม.พร้อมกับล่าสุดประกาศเตรียมลาออกสส.แต่จะมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เท่านั้น ส่งไม้ต่อให้ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (อายุ 74 ปี ) น้องชาย ได้นั่งเก้าอี้ ว่าที่ รองนายกฯ ควบเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
"พรรคภูมิใจไทย"
"เดอะ โอ๋" ศักดิ์สยาม ชิดชอบ (อายุ 60 ปี) รมว.คมนาคม แต่ถูกคำสั่ง ศาลรธน. ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็มี "พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ" (อายุ 62 ปี ) พี่ชายมารับตำแหน่ง "ว่าที่ รมว.ศึกษาธิการ"
"นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์" (อายุ 61 ปี) รมช.เกษตรฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของพี่ชาย คือ "นายชาดา ไทยเศรษฐ์" (อายุ 62 ปี) มาเป็น รมต. แต่พอมาถึงรัฐบาล"นายเศรษฐา" คราวนี้จึงส่งโควตาคืนให้พี่ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่"นายชาดา"คาดหวังมาตั้งแต่ปี 2562 นั่นคือ "ว่าที่ รมช.มหาดไทย"
"รัฐมนตรี" หน้าใหม่ป้ายแดง
นอกจาก "รมต.หน้าเก่า" และ "รมต.ส่งไม้ต่อ" แล้ว "ครม.นิด 1" ยังมีรัฐมนตรีหน้าใหม่ป้ายแดง หลายคนได้ยินชื่อเสียงมานาน เพราะเป็น"นักการเมืองหน้าเก่า" ขณะที่หลายคนก็เป็น"โควต้า"ที่มาจากสายต่างๆ รวบรวมมาพอให้ได้เห็นภาพบางส่วนที่น่าจับตา อาทิ
ปี 2539 เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ปี 2545 เป็น สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา
ปี 2551 เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (อันดับ 1) เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และเป็นกรรมการยุทธศาสตร์พรรค (ธ.ค.2551-ก.ย.2553)
ปี 2556 ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ครั้งนี้หากเป็นไปตามโผ ครม.ที่ออกมา ชื่อของ"นายปานปรีย์" จะนั่งควบ 2 ตำแหน่ง เป็น"รองนายกรัฐมนตรี" และ "รมว.ต่างประเทศ"
เป็น"ว่าที่ รองนายกฯ" และ "รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" ตามโควตาของ "พรรคพลังประชารัฐ" อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าได้รับไม้ต่อจาก "บิ๊กป้อม" ผู้เป็นพี่ชาย แต่ประวัติและประสบการณ์ทำงานเคยเป็น "ผบ.ตร." สมัย นายกฯ "สมัคร สุนทรเวช" , "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" และ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ท่ามกลางวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2548–2553 ก่อนที่จะเกษียณราชการไป นั่งตำแหน่งในบริษัทต่างๆ เช่น กรรมการอิสระ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) , ประธานกรรมการกำหนดค่าตอบแทนและสรรหากรรมการ/กรรมการกำกับดูแลความยั่งยืนและบรรษัทภิบาล/กรรมการอิสระ บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน)
รายนี้ต้องบอกว่า แม้เป็น "ว่าที่รัฐมนตรีใหม่ป้ายแดง" แต่น่าจับตาเพราะ "เก๋า" ในสนามการเมือง เป็น สส. หลายสมัย และล่าสุดเป็น รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
หลายคนมองว่า เขาเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพคนหนึ่ง สามารถเข้าได้กับทุกฝ่าย มีฝีปากคมคาย สามารถอภิปรายได้หลายสิบนาทีแบบไม่มีเว้นวรรคหรือสะดุด แต่ครั้งนี้ มีชื่อว่าจะมานั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ยิ่งทำให้ถูกจับตารอดูว่าจะสามารถทำงานบริหารคุมกองทัพได้หรือไม่ เพราะเขาถือเป็นพลเรือนคนแรก ที่เข้ามานั่งตำแหน่งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา คนที่นั่งตำแหน่ง ไม่เป็นทหาร ก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม
สำหรับ หมอหนุ่ย "สุรพงษ์ ปิยะโชติ" (อายุ 56 ปี ) เคยเป็น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ที่นำทีมเพื่อไทย ให้ได้ สส.ทั้ง 5 คน เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาสมใจ ต้องได้ตามที่ตกปากรับคำกันไว้ ส่วน “มนพร เจริญศรี” (อายุ 57 ปี ) มีดีกรีเป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เป็น สส.นครพนม 3 สมัย
เป็น สส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2548
แต่ที่น่าสนใจคือ เป็นนักการเมืองที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ "พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" และเคยเป็นเลขานุการให้กับ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ในปี 2556
เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 2562 ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่สนับสนุนเบื้องหลังให้กับ พรรคไทยรักษาชาติ โดยเป็นประธานกรรมการสรรหาผู้สมัคร สส.ของพรรค
ต่อมาในปี 2566 ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร(กทม.) ของพรรคเพื่อไทย และ ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 98
เป็น สส.กทม. เขต 13 (หลักสี่) พรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2544 และ ปี 2548 แต่ในการเลือกตั้ง สส. ปี2554 ได้คะแนนเป็นอันดับที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร เขต 11 แพ้คะแนน นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ส่วนในการเลือกตั้งปี 2557 ได้ลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 9 และในปี 2562 ได้รับเลือกตั้งเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
(อายุ 43 ปี) เป็น สส.นครศรีธรรมราช 4 สมัย โดย 3 สมัยแรก เป็น สส.ประชาธิปัตย์ ตามพ่อคือ "มาโนชญ์ วิชัยกุล" อดีต สส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย ส่วนสมัยที่ 4 ย้ายไปสังกัด "พรรครวมไทยสร้างชาติ"
ปี 2566 ลงสมัคร สส.ในนาม"พรรครวมไทยสร้างชาติ" และได้รับการเลือกตั้ง เป็น สส.ของ"พรรครวมไทยสร้างชาติ" เพียงคนเดียวในจังหวัดนครศรีธรรมราช