
21 สิงหาคม 2566 นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคำร้องที่นายนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ กล่าวหาหลบเลี่ยงภาษีการซื้อขายที่ดินว่า ขณะนี้ กรรมาธิการฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำร้อง โดยได้นำหลักฐาน และเอกสารที่นายชูวิทย์ เปิดเผยต่อสาธารณชน และจากเจ้าหน้าที่กรมที่ดินมาประกอบการพิจารณาอยู่ และเชื่อว่า การเสียภาษีการซื้อขายที่ดินนั้น เจ้าหน้าที่สรรพากร จะมีการตรวจสอบบ้างแล้ว จึงขออย่าวิตกกังวล และขอให้รอการพิจารณาของกรรมาธิการฯ
นายเสรี ยังยอมรับด้วยว่า จากข้อร้องเรียนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับนายเศรษฐานั้น มีผลต่อการตัดสินใจของ สว.แน่นอน ประกอบกับพฤติกรรมที่ผ่านมา คุณสมบัติ และจริยธรรม รวมถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วย โดยยังไม่ขอสรุปว่า ท้ายที่สุดในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ นายเศรษฐา จะได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะ สว.ยังมีความเห็นที่หลากหลาย การตัดสินใจต่าง ๆ จะเกิดขึ้นในที่ประชุมรัฐสภา
ส่วนจะมีเงื่อนไขใดเพิ่มเติมที่ทำให้ สว. ไม่ลงมติให้กับนายเศรษฐาหรือไม่นั้น นายเสรี ระบุว่า สว.ส่วนหนึ่ง ยังกังวลต่อนโยบายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคเพื่อไทย ที่จะให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพราะหากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.เกิดขึ้น ก็พอที่จะคาดการณ์ได้ว่า กลุ่มใดจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งหากมาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะเป็นการแก้ไขทั้งฉบับหรือไม่ และอาจจะกระทบต่อสถาบัน องค์กร ความมั่นคงของประเทศได้ ซึ่งการตัดสินใจของ สว.จะต้องห้ามแตะต้องการแก้ไขหมวด 1 รูปแบบรัฐและหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงยังมีประเด็นเรื่องคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และจริยธรรมของนายเศรษฐาด้วย
นายเสรี ยังเปิดเผยด้วยว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะลงมติไปในทิศทางใด เพราะจะต้องรอดูเหตุผล และข้อมูลต่าง ๆ พร้อมเห็นว่า นายเศรษฐา ควรจะมาแสดงวิสัยทัศน์ และตอบข้อซักถามต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง เพราะแม้ข้อบังคับการประชุมจะไม่ได้ระบุ แต่ประธานรัฐสภาก็สามารถอนุญาตให้นายเศรษฐาเข้ามาชี้แจงได้ แต่ในเมื่อ พรรคเพื่อไทย จะไม่ให้นายเศรษฐามาชี้แจง และนายเศรษฐา ก็ไม่ประสงค์ที่จะมาชี้แจง ก็ถือเป็นสิทธิ์ของนายเศรษฐา
ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงจุดยืนสำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ และมีการคาดการณ์ว่า อาจจะยังไม่ได้นายกรัฐมนตรีว่า เรื่องนี้ต้องถามสื่อมวลชนว่าตกลงกันเรียบร้อยหรือไม่ แล้วยังรวมถึงการรวบรวมเสียงพรรคการเมืองได้ครบ แล้วหรือไม่
ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้นยืนยันว่า ตนมีในใจอยู่แล้ว แต่ สว. มี 249 คน จึงต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ด้วย ทั้งนี้ คำตอบในใจสามารถเปิดเผยได้หรือไม่นั้น นายกิตติศักดิ์ บอกว่า ตนเป็นคนใจอ่อนสามารถบอกได้ตรงไปตรงมาอยู่แล้ว หากดูจากสภาพคุณธรรมจริยธรรมของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ขอฟันธงว่า “ไม่ผ่าน” พร้อมย้ำตนจะไม่โหวตให้กับนายเศรษฐา
ดังนั้นภาพรวมหากรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลได้เรียบร้อยแล้ว อาจจะมองว่าทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แม้ตนจะมีหนึ่งเสียง ก็จะไม่โหวตให้นายเศรษฐา อย่างแน่นอน ส่วนสว. คนอื่นให้รอดูในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน หากพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนใจไม่เสนอนายเศรษฐา แต่เสนอน.ส.แพรทองธาร ชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแทน การพิจารณาของนายกิตติศักดิ์จะเป็นอย่างไรนั้น มองว่า ความเป็นจริงจะต้องมีการตรวจสอบ คุณสมบัติ ในเรื่องมาตรฐานคุณธรรมจริยธรรม สมมุติว่าหากเป็นน.ส.แพรทองธาร ตนคิดว่าจะต้องมีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน และเพิ่งเข้ามาเส้นทางการเมือง อาจยังไม่มีปมด้อยมากนัก ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง เพื่อให้บ้านในเมืองเป็นไปได้ ตนก็จะโหวตให้
สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีจะไปไม่ถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ ใช่หรือไม่นั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ตนเป็นแค่หมอเดา ที่มีการฟันธงว่านายกรัฐมนตรีไม่ใช่จากพรรคเพื่อไทย แต่จะไปถึงทั้ง 2 คนหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ซึ่งมองว่าแม้นายเศรษฐาจะผ่านหรือไม่ อยากให้ติดตามในเรื่องของการอภิปรายที่อาจจะมีความดุเดือดเลือดพล่านพอสมควร
ส่วนนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเตรียมเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.) โดยยอมรับว่า มีความกังวล และแนะนำว่า นายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ควรจะมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อรัฐสภา เพื่อความชัดเจน และความสง่างาม ทั้งเรื่องคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ความสามารถ สามารถนำพารัฐบาลของประชาชนไปสู่ความสำเร็จตามนโยบาย เพราะตัวนายเศรษฐาเอง ก็ถูกกล่าวหาเรื่องการเป็นผู้บริหารบริษัทมหาชน ที่มีพฤติการณ์ทุจริต หลบเลี่ยงภาษีด้วย
นายดิเรกฤทธิ์ ยังเรียกร้องให้นายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ชี้แจงนโยบายการประกาศจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อรัฐสภาให้ชัดเจน เพราะ สว.มีความกังวลถึงการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ และจัดทำฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ดังนั้น สว.จึงต้องการความชัดเจนว่า เนื้อหาจะเป็นไปในทิศทางใด ทั้งในองค์กรที่จะมาใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน และองค์กรต่าง ๆ รวมถึงจะมีการกำหนดขอบเขตการแก้ไขในหมวด 1 รูปแบบรัฐ และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ และเหตุใดถึงไม่ให้ สส.ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งทั่วประเทศมาทำหน้าที่แทน
ส่วนหาก สส.ของพรรคเพื่อไทย จะสามารถชี้แจงข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแทนนายเศรษฐา ในที่ประชุมรัฐสภาได้หรือไม่นั้น นายดิเรกฤทธิ์ ระบุว่า ประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถือเป็นประโยชน์-ได้เสีย ที่พรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมฯ สามารถทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อให้นายเศรษฐามาชี้แจงได้ หรือหาก สส.ของพรรคเพื่อไทย จะชี้แจงแทน ก็ถือเป็นประโยชน์ได้เสียของผู้ถูกเสนอชื่อ โดยขอให้คำนึงถึงความน่าเชื่อถือด้วย