
19 สิงหาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โพสต์ระบุว่าเตรียมจะไปรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินดอนเมือง 09.00 น. วันที่ 22 สิงหาคม ว่า อยากจะให้ประชาชนได้ใช้ความอดทนเรื่องความเชื่อ ของการกลับมาของนายกทักษิณ ตราบใดวันที่ 22 สิงหา 9 โมงเช้ายังไม่เห็นตัวเป็น ๆ ของนายกทักษิณ อย่าพึ่งด่วนสรุปไปเชื่อว่าท่านจะกลับประเทศไทย100%
เดินหน้าปรองดอง! รทสช. แจง ร่วมรบ."เพื่อไทย" หวังป้องกัน "ก้าวไกล" แก้ม.112
"วิษณุ"อธิบายข้อกฎหมายเมื่อ"ทักษิณ"เท้าแตะแผ่นดินไทยต้องทำอะไรบ้าง
ผ่าฤกษ์ "ทักษิณ" กลับไทย 22 ส.ค. แลกเดิมพันชะตา "อุ๊งอิ๊งค์"
และถ้าถามว่าทำไม น.ส.แพทองธาร โพสต์ถึง 2 โพสต์ เพียงแค่เลื่อนไม่เพ้อเจ้อ กลับอย่างแน่นอน เพราะในวันนี้กับวันพรุ่งนี้ อยู่ในห้วงเวลาของการเจรจาตกลงเรื่องการแบ่งกระทรวง กับพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล และในวันจันทร์จะมีการแถลงร่วมของทุกพรรคการเมืองที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ซึ่งจะตรงกับวันเดียวกับที่ นายชูวิทย์ นัดแถลง EP3 เรื่องสุขุมวิทซอย12 ซึ่งมีบริษัทต่างชาติเกี่ยวข้องกับการจัดซื่อที่ดิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ
นายจตุพร กล่าวว่า และในวันที่ 22 ส.ค. ที่มีโหวตนายกรัฐมนตรี วันเวลาเดียวกันก็จะมีการตัดสินคำพิพากษาคดีทุจริตสร้างโรงพัก ดังนั้นการตัดสินใจของนายกทักษิณ ถ้าไม่ต้องการกลับอย่างเท่ ๆ สามารถเลือกวันอื่นได้ทุกวัน แต่ความเขี้ยวลากดิน ของการประกาศกลับบ้านไม่มีอะไรที่จะเสีย เพราะมีการประกาศมาเกินกว่า 20 ครั้ง
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลว่าไม่มีอะไรที่จะเสียไปมากกว่านี้ และหลายคนอาจจะมีความเชื่อเพราะน.ส.แพทองธาร เป็นคนประกาศ แต่ต้องไม่ลืมว่า น.ส.แพทองธาร อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะตัวเองในฐานะแคตดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นเวทีปราศรัย ปิดสวิซต์สว. ปิดสวิซต์3ป. ประกาศไม่จับมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ อยู่ในทุกแพลตฟอร์มในโซเชียล ดังนั้นสถานการณ์ของแพทองธาร อยู่ในสถานการณ์ที่ติดลบไม่ต่างจาก เศรษฐา หรือ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคนอื่น ๆ ในพรรคเพื่อไทย
"ยังยืนยันอีกครั้งว่า ถ้านายเศรฐายังไม่ถูกเปลี่ยนตัวไปโหวตจะไม่ผ่านโดยเสียงสว. จะไม่ได้เป็นนากยรัฐมนตรี และหลายคนตั้งคำถามว่าจะไปเจรจาแบ่งกระทรวงกันทำไมนั้น ก็เพราะตกลงแบ่งกันให้เรียบร้อยเวลาจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนแค่หัวเท่านั้น" นายจตุพร ระบุ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเองเคยประเมินค้างกันไว้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวกันหรือไม่ จากนายเศรษฐา มาเป็นน.ส.แพทองธาร นั้น เพราะเกมในสถานการณ์นี้ เพื่อความสมบูรณ์ที่สุดในการหักหลังทั้งปวงและเป็นการปิดฉากตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ก็ต้องให้น.ส.แพทองธาร เข้าสู่การโหวตนายหรัฐมนตรี ก็จะถูกวิพากวิจารณ์กันอย่างย่อยยับ แต่จะยอมให้ผ่านแตกต่างกับของนายเศรษฐา ทั้งนี้ เมื่อผ่านไปแล้วต้องยอมรับว่า การทำธุรกิรรมของน.ส.แพทองธาร ไม่ต่างจากนายเศรษฐา และถ้าของน.ส.แพทองธาร จะถูกชำแหละในที่ประชุมรัฐสภา แต่จะให้ผ่าน
"เมื่อผ่านไปแล้วจะได้เป็นหรือไม่เป็นคนละกรณี เพราะหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องของกระบวนการทูลเกล้า ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติ โปรดเกล้านายกฯ และครม. ก่อนนำครม.ถวายสัตย์ฯ และก่อนปฏิบัติหน้าที่ต้องแถลงนโยบายต่อสภาภายใน 2 สัปดาห์ ทำให้มีช่องว่างอยู่กว่า 1 เดือน ฉะนั้นโหวตผ่านจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็น ไม่มีใครรู้ หรือได้เป็นจะอยู่กี่วัน ไม่มีใครทราบ อย่างที่ตนบอกว่าถ้าเป็นคุณอุ๊งอิ๊ง ก็จะได้เป็นนายกคนที่ 30 ภายในพริบตาเดียว และลำดับที่ 31 จะเป็นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เหมือนเดิม ยกเว้นว่าถูกล้มกระดานก่อนโดยการถูกยึดอำนาจ"
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนเองก็ได้ตามสืบย้อน กรณีที่ฮ่องกง มีคนไปเจรจากับนายทักษิณ ซึ่งนายกทักษิณยืนยันเรื่องการกลับบ้าน และการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ในประเทศไทยเลยมีกระแสโหมกัน แต่เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้กลับในรอบ 10 สิงหาคม และการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คิด ท้ายที่สุดจึงมาตระบัดสัตย์ด้วยการจับมือกับรวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ
มองว่าการประกาศรอบนี้เพื่อหวังผลวันโหวตนายกรัฐมนตรี อาจจะมีการเปลี่ยนแท็กติก เพราะอยู่ดี ๆ คนระดับนายกทักษิณ ที่ปฏิเสธเรื่องการกลับบ้าน โดยการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการเข้าเรือนจำมาตลอด 15 ปีตั้งแต่ออกจากประเทศไทย แล้วอยู่ดี ๆ ตัดสินใจกลับมาเลย เพราะการตระบัดสัตย์ความน่ากลัวจะเกิดขึ้นกับคนที่เลือกพรรคเพื่อไทย คนที่ร่วมเป็นร่วมตาย สูญสิ้นอิสรภาพ ได้รับความอยุติธรรมมากที่สุด คนเหล่านี้จะไม่ทนกับพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยไม่ควรไปกลัวด้อมส้ม แต่ให้กลัวมวลชนของตัวเองที่มาสู้ด้วยหัวใจ ดังนั้นจึงขอย้ำว่าถ้ายังไม่เห็นตัวเป็น ๆ อย่าพึ่งไปเชื่อ" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร ยังบอกอีกว่า ส่วนวันที่ 22 ส.ค. จะได้เห็นการเลื่อนอีกรอบหนึ่งหรือไม่ มองว่าจะไปยึดสถานการณ์ของนายกฯทักษิณไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนรักษาคำพูดจะไม่มีครั้งที่ 2 แต่ประกาศถึง 20 ครั้ง และสุดท้ายก็ไม่กลับมาสักที ซึ่งตนเองคาดหวังว่าอยากให้ท่านกลับมาในประเทศไทย เพราะคนไทยและประเทศไทยจะได้ยุติเรื่องของท่านสักที จะได้จบเรื่องนี้ได้แล้ว โดยตนเองไม่เชื่อว่าจะกลับมาวันที่ 22 สิงหาคมนี้
ส่วนถ้ากลับมาจะได้เห็นตัวหรือไม่นั้น อยู่ที่ตัวขอนายทักษิณ เจรจากับเจ้าหน้าที่ และหากอยากให้เห็นคงให้เจ้าหน้าที่พาผ่านช่องทางที่ให้สื่อมวลชนเห็นได้ ทั้งหมดก็จะเป็นไปตามกระบวนการของเจ้าหน้าที่ จากสนามบินไปศาลฎีกา เป็นของตำรวจ จากศาลไปเรือนจำ เป็นของกรมราชทัณฑ์ และมองว่า หากนายทักษิณ ปล่อยวางยอมรับกระบวนการก็ไม่มีปัญหาตั้งแต่ต้น
เพราะยังมีคดีความผิด 3 คดี รวมติดคุก 10 ปี ยังไม่เห็นคำแนบท้ายคำสั่งศาลว่ามีการนับโทษต่อหรือไม่ เพราะต้องรับโทษติกคุกไม่น้อยกว่า 4 ปี และหากสั่งนับรวมติด 3 ปีเศษ ส่วนการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายในช่วง 5 ปี ของการติดคุกของตัวเองนั้น เจออดีตรองนายกฯและอดีตรัฐมนตรี อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หลายคนขอพระราชทานอภัยโทษเรื่องการทุจริตไม่เคยได้รับการอภัยโทษเลยแม้แต่กรณีเดียว และยังนำความเชื่อเดิมว่านายทักษิณกลับไทย แต่ไม่ต้องการที่จะติดคุก
ส่วนความคืบหน้าการตั้งรัฐบาลที่มีโผครม. เผยแพร่ออกมารายวันนั้น นายจตุพร ระบุว่า จากข้อมูลที่มี ตอนนี้การแบ่งกระทรวงยังไม่เรียบร้อย ยังมีเวลาเจรจา โผที่ออกมาบางส่วนไม่ใช่ข้อเท็จจริง ดังนั้นข่าวการกลับบ้านก็เพื่อจะให้มีผลกับการแบ่งกระทรวง และวันโหวตนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าถึงอย่างไรนายเศรษฐา จะไม่ได้เป็นนายกฯ
ส่วนกรณีกระแสสังคมเรียกร้องนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น นายจตุพร ระบุว่า หากนายแพทย์ชลน่าน ลาออก ความกดดันจะไปอยู่ที่น.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา รวมถึงคนอื่น ๆ ในพรรคเพื่อไทย ที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ร่วมจับมือกับพรรค 2 ลุง ซึ่งหากนายแพทย์ชลน่าน จะแสดงความรับผิดชอบ มองว่าควรมีมาตรฐานการรับผิดชอบจะไม่น้อยกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความรับผิดชอบลาออกจาก หัวหน้าพรรคและสส. หลังนำพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง
ซึ่งนายแพทย์ชลน่าน ต้องไม่มีมาตรฐานที่ต่ำกว่านายอภิสิทธิ์ นอกจากลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้ว จะต้องลาออกจาก สส. และอย่าได้คิดว่าจะลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไปเป็นรัฐมนตรี เพราะจะเป็นอย่างไม่มีความสุขมากที่สุด ซึ่งที่ตนพูดแบบนี้ เพราะมีท่าทางว่าอาจจะมีการแสดงรับผิดชอบ แต่หากเป็นเช่นนั้นจะต้องเป็นโดมิโน่ไปถึงน.ส.แพทองธาร และนายเศรษฐา ด้วย
ทั้งนี้ นักข่าวถามช่วงท้ายว่า วันที่ 22 ส.ค. นายจตุพร จะไปสนามบินด้วยหรือไม่ นายจตุพร หัวเราะ พร้อมบอกว่า กลัวไม่เจอ และหวังว่าครั้งนี้จะได้มา