"ชูวิทย์" ขุดยันราก เผยความสัมพันธ์ของ "เศรษฐา" กับ "ขงเบ้ง"

18 สิงหาคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ยังขุดปมแม่บ้าน และ รปภ. ขึ้นมาให้เห็นว่าเป็น “นอมินี” บ.เอ็น แอนด์ เอ็น เพื่อโยงถึง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย สมัยเป็นผู้บริหารบริษัทแสนสิริ จำกัด(มหาชน) ล่าสุดโพสต์ข้อความ ระบุว่า 

เมื่อผมขุด แม่บ้าน และ รปภ. ขึ้นมาให้เห็นว่าเป็น “นอมินี” บ.เอ็น แอนด์ เอ็น ที่เปลี่ยนหุ้นจากเจ้าของที่ตัวจริงดั้งเดิม (หมอนเรนทร์) ไปเป็น แม่บ้าน น.ส.พินิช และ รปภ. อีก 2 คน คือ นายสมศักดิ์ และ นายพีระพงษ์ คนสำคัญ คือ “สมศักดิ์” เพราะเป็นผู้เซ็นชื่อทำนิติกรรมต่างๆ ทั้งจำนอง และขายให้แสนสิริ มีลายเซ็นชัดเจน ทั้งที่มีหุ้นอยู่แค่ 1 หุ้น จาก 1 ล้านหุ้น

แสนสิริโยนขี้ว่าเป็น “นอมินีของคนขาย” ความจริงปรากฏ ดังนี้

รปภ.สมศักดิ์ ที่เป็นนอมินี ทำงานอยู่สังกัดบริษัทรักษาความปลอดภัย ชื่อ บ. แม็กซ์ เพาเวอร์ การ์ด จำกัด มี นางวิไล คทวณิช ถือหุ้นอยู่ 33% เป็นพี่สาวของ “นายทศพงษ์ จารุทวี” หรือ “นายขงเบ้ง” ที่เคยเป็นเจ้าของบริษัท N Park ซึ่งล้มบนฟูกนุ่มๆ ไปในช่วงต้มยำกุ้ง

ส่วนนายขงเบ้งเกี่ยวข้องอย่างไรกับนายเศรษฐา ก็ต้องบอกว่าเป็น “คนข้างกาย” และเป็น “คู่เขย” โดยพี่สาวภรรยานายเศรษฐา เป็นภรรยาของนายขงเบ้ง

และหากปฏิเสธ ก็ต้องไปดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 7 ของแสนสิริ คือ น.ส.ระวิวรรณ จารุทวี เป็นลูกสาวคนเดียวของ นาย ทศพงษ์ จารุทวี นั่นเอง

รปภ. ที่ทำงานบริษัทนี้ มีความเชื่อมโยงไปถึง แสนสิริอย่างนี้ จะมาบอกว่าเป็น “นอมินี” ของคนขายได้อย่างไร?

แท้จริงเป็นนอมินีของคนซื้อ คือ แสนสิริ ที่เกี่ยวพันกันตามรูปข้างบน ยังนั่งจิบชาเช็คอินที่ออฟฟิศแสนสิริสบายใจเฉิบ แถมยังถือหุ้น อีก 4 บริษัท ที่เกี่ยวโยงกับแสนสิริ เช่น บริษัท อ่อนนุช แลนด์ จำกัด ที่ รปภ.สมศักดิ์ (นอมินี) ถือหุ้น เป็นคู่สัญญาฝั่งแสนสิริกับบริษัทขนส่ง ทำสัญญาขนส่งผู้อยู่อาศัยในโครงการ “T77” ในซอยอ่อนนุช 77 อันเป็นโครงการใหญ่ของแสนสิริ และใช้โครงสร้างผู้ถือหุ้นแบบเดิม คือ ถือหุ้นแค่ 1 หุ้น แต่เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม

ตามที่ผมไล่รายละเอียดมา นอมินี รปภ.สมศักดิ์ ย่อมบอกได้ชัดเจนว่าเป็นนอมินีของแสนสิริ รายละเอียดต่างๆ ได้ส่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตามเอกสารที่ไปยื่นไว้แล้ว

นอมินี คนซื้อ คนขาย เจ้าหน้าที่ที่ดิน เตรียมเรียงตัวรอไปสอบปากคำ ให้ความจริงปรากฏได้เลย

ทั้งนี้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างการหาเสียงสนับสนุน ให้โหวตให้ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย ซึ่งล่าสุดขณะนี้รวมเสียงสส.ได้แล้ว 314 เสียง แต่ยังไม่พ้นเกณฑ์กึ่งหนึ่งของรัฐสภา 375 เสียง ส่วนที่เหลือจาก 314 เสียงนั้นต้องอาศัยจากสมาชิกวุฒิสภา(สว.)

โดยขณะนี้มีบางกลุ่ม เริ่มออกมาพูดถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ นำมาเปิดประเด็นและอยากให้นายเศรษฐาเข้ามาชี้แจง

ก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่า "เพื่อไทย" จะกล้าเสี่ยงเสนอชื่อนายเศรษฐา เพราะมีโอกาสเสนอได้เพียงครั้งเดียว หรือ ปิดสวิตช์สว.ด้วยเสียงของ สส. หรือไม่ อะไรก็เป็นไปได้สำหรับการเมืองประเทศไทย