
16 สิงหาคม 2566 จากกรณี "จอมแฉ" นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ออกมาแถลงเกี่ยวแม่บ้านพันล้าน ตั้งบริษัทนอมินีกู้เงิน ของบริษัท แสนสิริ ซึ่งได้ปรากฏชื่อ แม่บ้านรายหนึ่ง น.ส.พินิช (สงวนนามสกุล) อยู่ ต.นาทอง อ.เชียงยืน จมหาสารคาม เป็นผู้ตั้งบริษัทนอมินี โดยร่วมกับ รปภ.คนหนึ่ง เข้าไปกู้ยืมเงินจำนวน 1 พันล้านบาท เพื่อนำเงินซื้อที่ดินย่านทองหล่อ ในการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด ทีมข่าวเนชั่น ได้เดินทางลงไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น โดยพบกับ นางน้อย (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี มารดาของ น.ส.พินิช ซึ่งถูกระบุว่าเป็น "แม่บ้าน แสนสิริ" จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
น.ส. พินิช กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่ลูกสาวมีข่าวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินกู้มากถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่ลูกสาวได้เดินทางไปทำงทานที่กรุงเทพฯ ก็กลับมาทำงานอยู่ที่บ้านได้ประมาณ 4-5 ปีแล้ว เงินทองจำนวนมากดังกล่าว ก็ไม่เห็นจะมี โดยปัจจุบันยังคงทำนา ทำสวน ทำไร่ และรับจ้างอยู่บ้าน "แสนสิริ" อะไรก็ไม่รู้จักทั้งนั้น
ขณะที่ น.ส.พินิช อายุ 38 ปี ซึ่งกำลังตกเป็น "แม่บ้าน แสนสิริ" ตั้ง บริษัทนอมินี เปิดเผยว่า เพิ่งได้ทราบข่าวจากสื่อฯว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกันการกู้ยืมเงินมากถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก ส่วนตัวแล้วปัจจุบันตนเองไม่เคยทำธุรกิจอะไร ไปทำงานที่ กทม. เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว โดยทำงานอยู่แถวยูเนียนมอลล์ ได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วก็กลับมาอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหนอีกเลย
"รู้สึก งง มาก และตกใจด้วย ซึ่งเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา ก็มีคนมาถ่ายรูปบ้าน และก็เดินทางมาดูบ้าน มาสอบถามอะไรแปลกอยู่เหมือนกัน พอมาเห็นในคลิป ก็ยิ่งทำให้รู้สึก..งง ว่า ทำไมถึงมีรูป บัตรประชาชน หรือ รูปบ้านของตนเอง"
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ เอาไปพูด นั้น น.ส.พินิช กล่าวว่า ไม่เคยเป็นแม่บ้าน ดังนั้นจึงได้ชวนแฟนไปที่โรงพัก เพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้ที่ สภ.เชียงยืน เอาไว้ก่อน
น.ส.ปราณี สีเฒ่า ผญบ.ดอนหัน กล่าวว่า ที่ผ่านมา เห็นหญิงสาวรายนี้อยู่บ้านตลอด และไม่ได้ไปไหนสักที่ และน้องเขาก็เพิ่งแต่งงาน ตอนนี้ก็ท้องอยู่ 7 เดือน แฟนเขาก็มาอยู่ด้วยกัน เลี้ยงไก่ชนกันอยู่หลังบ้าน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่าเขาจะร่ำรวยอะไร หรือมีเงินเป็น 1000 ล้านบาท
ด้าน ร.ต.อ.พัสกร ช่างถม รอง สว. สอบสวน สภ.เชียงยืน ภ.จว.มหาสารคาม เบื้องต้นได้รับแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานแล้ว โดยลงบันทึกหลักฐาน ว่า ขณะที่ น.ส.พินิช อยู่ที่บ้านได้เห็นสื่อนำเสนอข่าว เกี่ยวกับเรื่องการกู้เงิน ซึ่งมีมากถึง 1,000 ล้านบาท กับบริษัทแสนสิริ ซึ่ง น.ส.พินิช ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ไม่เคยกู้ยืมเงิน ไม่รู้เรื่องที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ออกมาแถลงข่าวแต่อย่างใด
ยิ่งเห็นคลิปของ นายชูวิทย์ฯ แถลงข่าว จึงทราบว่า มีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของตน พร้อมทั้งรูปถ่ายบ้าน มีชื่อตนเป็นผู้กู้ยืมเงินอยู่บนแผ่นชาร์ทที่ นายชูวิทย์ ได้แถลงข่าวไปนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เคยกระทำการที่ นายชูวิทย์ ได้แถลงข่าวออกไปแต่อย่างใด ดังนั้น จึงเดินทางมาพบกับ พนักงานสอบสวน เพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐาน