svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พิธา" ยอมรับ ยังไม่มีชื่อสำรองหากวืดเก้าอี้นายกฯ เสียงแข็งไม่ลดเพดาน112

17 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มติ 8 พรรคร่วม เข็น "พิธา" ชิงนายกฯต่อ เจ้าตัวยอมรับ ยังไม่มีชื่อสำรองหากวืดเก้าอี้ มั่นใจ ส.ว.ที่ไม่ได้มาโหวตรอบแรกจะสนับสนุนเสียงเพิ่ม ย้ำยังไม่ใช่มติพรรคร่วมฯ ชวน "ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา" ร่วมรัฐบาล ยันไม่เปลี่ยนใจลดเพดาน ม.112

17 กรกฎาคม 2566 เวลา 18.30 น. ที่อาคารไทยซัมมิท ภายหลังการประชุมหารือหัวหน้าพรรคการเมือง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมอีก 7 พรรค ลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังการประชุมร่วมนานเกือบ 2 ชั่งโมง

นายพิธา กล่าวว่า ผลการหารือวันนี้ มีข้อสรุปอยู่ 3 ข้อ คือเรื่องของวันที่ 19 ก.ค 66 ทั้ง 8 พรรคมีมติส่ง ตน  พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯคนที่ 30 และมีการหารือกันเรื่องการยื่น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ของพรรคก้าวไกลที่พรรคก้าวไกลเสนอโดยพรรคเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 7พรรคร่วม

\"พิธา\" ยอมรับ ยังไม่มีชื่อสำรองหากวืดเก้าอี้นายกฯ เสียงแข็งไม่ลดเพดาน112

และเรื่องสุดท้าย คือเรื่องข้อบังคับที่ 41 ของรัฐสภา ที่มีข่าวออกมาว่าวุฒิสภาเตรียมยื่นในวันโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเห็นทางกฎหมายว่าเป็นเรืาองเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่ถือเป็นญัตติ และไม่ได้เกี่ยวกับเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะมองเห็นต่างในเรื่องนี้ ทั้งนี้ยังมีการหารือเรื่องการเตรียมรายละเอียดการเข้าสู่วันที่ 19 ก.ค.ด้วย

เมื่อถามว่าตั้งหลักอย่างไรหากวันที่ 19 ก.ค. มีเสียงโหวตไม่เพียงพอ นายพิธา กล่าวว่า เป็นไปตามที่เคยได้แถลงผ่านคลิปวีดีโอไป และตามแผนผังโรดแมพ สำหรับสมรภูมิแรก หากคะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เราก็พร้อมจะถอยให้กับประเทศชาติ ถอยให้กับพรรคอันดับ 2 ก็คือพรรคเพื่อไทย ตาม MOU ขณะเดียวกันยังมีเรื่อง ม.272 ที่ได้ยื่นเข้าไปแล้ว ซึ่งยังอยู่ภายใน 15 วัน จึงต้องย้ำอีกทีส่าเป็นการดำเนินการของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว

\"พิธา\" ยอมรับ ยังไม่มีชื่อสำรองหากวืดเก้าอี้นายกฯ เสียงแข็งไม่ลดเพดาน112

ส่วนหากวันที่ 19 ก.ค.หากมีการตีความในรัฐสภาว่าเข้าข้อบังคับที่ 41 ไม่สามารถเสนอนายพิธา ซ้ำได้ 8 พรรคร่วมจะดำเนินการอย่างไรในวันนั้น นายพิธา กล่าวว่า วันนี้เรามีข้อสรุปการตีความกฎหมายทางฝั่งของเรา ซึ่งพรุ่งนี้จะมีประชุมวิป 3 ฝ่ายอีกครั้ง หากมีโอกาสประชุมวิปน่าจะเห็นตรงกัน ญัตติก็คือญัตติ ซึ่งเป็นเรื่องของข้อบังคับ ส่วนการเสนอนายกรัฐมนตรี เป็นคนละหมวดกัน ขอให้รอฟังผลการประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่าเหตุและผลฝั่งตรงกันข้ามเป็นอย่างไรตนได้เห็นแต่พาดหัวข่าวยังไม่ได้ลงรายละเอียด ว่าเหตุใดถึงเห็นเป็นเรื่องของญัตติได้

เมื่อถามว่า ยังยืนยันจับมือเดินหน้าต่อของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายพิธา พยักหน้าแล้วตอบว่า ถึงได้มีมติร่วมในวันนี้ ส่วนบรรยากาศในการประชุมวันนี้เป็นไปได้ด้วยดี มีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ และมีมติส่งตนอีก1 ครั้ง ซึ่งตนจะใช้เวลาที่เหลืออย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า มีการชวนพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมโหวตนายพิธา ด้วยนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายพิธา ตอบว่า ยังไม่ใช่มติของ 8 พรรค ส่วนการเตรียมชื่อสำรองไว้หรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มี

ส่วนการรวมเสียง ส.ว.ในรอบนี้ จะมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ว่าจะมีการโหวตให้ นายพิธา กล่าวว่า หลังวันที่ 13 ก.ค. ได้มีการรวมเสียง ส.ว.มากขึ้นเรื่อย ๆ มีหลายคนที่ไม่มาลงคะแนนในวันนั้น ก็ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ว่าอาจจะติดภารกิจต่างประเทศบ้างอะไรบ้าง ซึ่งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมาลงคะแนนในรอบที่2ให้

ส่วนกระแสข่าวที่นายพิธา ต่อสายไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจริงหรือไม่แล้วมีการตอบรับอย่างไรนั้น นายพิธา ระบุว่า เป็นเรื่องปกติ และโดยปกติตนจะหารือทางการเมืองกับเพื่อนที่เป็น ส.ส. และ ส.ว. เวลาเดินผ่านในสภาหรือเวลาจะตรวจสอบข้อมูลอะไรก็มีโอกาสได้พูดคุยกัน แต่ไม่ได้มีโอกาสเชิญมาร่วมรัฐบาล ซึ่งตนพูดคุยได้เกือบทุกพรรคยกเว้นพรรคลุง ซึ่งพรรคการเมืองต่างๆได้มีโอกาสพูดคุยถึงสถานการณ์เป็นการแลกเปลี่ยนทางการเมือง ยืนยันว่าเป็นการคุยเรื่องทั่วไปไม่ใช่เรื่องที่สนับสนุนตนเป็นนายกรัฐมนตรี

เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ขอเสียงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ‘ไม่’ โทรไปแลกเปลี่ยนประเด็นทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หัวหน้าพรรค คุยกับหัวหน้าพรรค ไม่ใช่มาเริ่มทำกันอาทิตย์นี้

ส่วนที่กล่าวว่าการโหวตครั้งที่ 2 ตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จะวางมือให้พรรคอันดับ 2 สามารถบอกได้หรือไม่ว่าตัวเลขนั้นจะเป็นเท่าไร นายพิธา กล่าวว่า หากมองให้เหมาะสม คิดว่าต้องเพิ่มขึ้น 10% จำนวน 324-344 เสียง หรือ 345 เสียง จะเป็นในลักษณะแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะกั๊กไว้ ตั้งใจจะเป็นเลขนัยยะสำคัญแต่ไม่ได้คิดในใจ แต่คงจะมีตัวเลขที่ไม่ฝืนสายตาของประชาชน

เมื่อถามว่า ประเมินว่ารอบ 2 จะมีการเสนอขื่อแข่งด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ฟังสัมภาษณ์จากพรรคการเมือง 10 พรรค มีการพูดเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทุกคนพูดว่า เรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นไปไม่ได้ อย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคร่วมไทยสร้างชาติ และนายอนุชา นาคาศรัย แกนนำพรรคร่วมไทยมร้างชาติ ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แข่งนายกฯ สามารถรวมเสียงได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ต้องฝากนักข่าวไปถามพล.อ.ประวิตร ส่วนกระแสการซื้องูเห่าไปอยู่ขั้วตรงข้ามแล้วพลิกขั้วรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ติดตามและคอยเช็คตลอด มั่นใจว่าทุกคนได้รับบทเรียนของการเป็นงูเห่าและได้คะแนนกลับมาเป็นหลักพันกว่าคะแนนเท่านั้น มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลไม่มีอะไรและเพื่อไทยก็คงคิดแบบนั้น

ส่วนเรื่องการถอยเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วจะมีพรรคอื่นที่มีจุดยืนไม่เอา ม.112 มาร่วมโหวตให้ นายพิธา กล่าวว่า ต้องคิดว่าในมุมของตน ในสิ่งที่เราคิด ม.112 เป็นข้ออ้างที่อยู่ข้างหน้า แต่ข้างหลังก็คงมีหลายเรื่อง ที่นำมาเป็นเหตุผลตามที่สื่อมวลชนหลายสำนักวิเคราะห์กัน มีหลายเรื่องที่อ่านไปส่งผลกระทบกับสัมปทาน เกี่ยวกับผลประโยชน์ การปฏิรูปกองทัพ ที่พรรคก้าวไกลต้องการให้ทหารออกจากการเมืองให้ได้  ดังนั้น ตนคิดว่าเรื่อง ม.112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเหมือนกันแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง พอเรื่องนี้หายไปเรื่องอื่นก็จะมาอีก และที่สำคัญที่สุดคือต้องการรักษาคำพูด ก่อนหาเสียงพูดไปอย่างไรหลังหาเสียงก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าสู่อำนาจด้วยทุกวิถีทาง

ส่วนเรื่องศาลรัฐธรรมจะพิจารณาในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันโหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า เห็นว่ามีการประชุมในวาระที่ 4 แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ทำให้ความเป็นแคนดิเดตนายกฯหายไป เมื่อเทียบกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลใจแต่อย่างใด

ในช่วงท้ายของการแถลง สื่อมวลชนได้ถามนายพิธา ว่าหากเสนอชื่อไม่สำเร็จกี่ครั้งจะยอมถอยให้กับพรรคเพื่อไทย นายพิธา กล่าวว่า ขอให้ยึดตามที่แถลง ผู้สื่อข่าวถามว่า 2 ครั้งใช่หรือไม่ นายพิธา พยักหน้าแล้ว ชูนิ้ว 2 นิ้ว

logoline