svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ด่วน! สรุป 8 พรรคร่วมเสนอชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ชิงนายกฯ รอบ 2

17 กรกฎาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ได้ข้อสรุปแล้ว 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันจะเสนอชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ลงชิงนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว มั่นใจได้เสียงเพิ่มขึ้นอีก 10% ย้ำรอบ 2 ร่วงอีก เตรียมทางเพื่อไทยเสนอแคนดิเดตชิงรอบ 3 ไม่หวั่นศาลรธน. นัดวินิจฉัย 19 ก.ค. ตรงวันโหวตนายกฯ แม้ผลออกมาบวกหรือลบ

17 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่แกนนำ 2 พรรค คือ เพื่อไทย และก้าวไกล ได้นัดหารือกันกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพื่อหาข้อยุติในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รอบ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. ว่า จะเสนอชื่อ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล อีกครั้งหนึ่งนั้น

ด่วน! สรุป 8 พรรคร่วมเสนอชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ชิงนายกฯ รอบ 2

 

 

โดยก่อนหน้านี้ รายงานข่าวจากห้องประชุมแจ้งว่า วันนี้ (17ก.ค.) ภายหลังการประชุม 8 พรรคร่วมที่จะเสร็จในช่วงค่ำ จะไม่มีการแถลงข่าว เนื่องจากบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างตึงเครียด และยังไม่ทราบชัดเจนว่า ที่ประชุมในวันนี้จะมีมติเสนอชื่อนายพิธา หรือไม่

​​​ทว่า ล่าสุดไลน์กลุ่มพรรคก้าวไกล ได้แจ้งกับสื่อมวลชนจะมีการแถลงข่าวถึงผลการประชุม เวลา 18.30 น.

โดยนายพิธา กล่าวว่า ผลการหารือวันนี้ มีข้อสรุปอยู่ 3 ข้อ คือเรื่องของวันที่ 19 ก.ค 66 ทั้ง 8 พรรคมีมติส่ง ตน  พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกคนที่30 และมีการหารือกันเรื่องการยื่น ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ของพรรคก้าวไกลที่พรรคก้าวไกลเสนอโดยพรรคเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 7พรรคร่วม 

และเรื่องสุดท้าย คือเรื่องข้อบังคับที่41 ของรัฐสภา ที่มีข่าวออกมาว่าวุฒิสภาเตรียมยื่นในวันโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความเห็นทางกฎหมายว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่ถือเป็นญัตติ และไม่ได้เกี่ยวกับเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะมองเห็นต่างในเรื่องนี้ ทั้งนี้ ยังมีการหารือ เรื่องการเตรียมรายละเอียดการเข้าสู่วันที่ 19 ก.ค.ด้วย

เมื่อถามว่าตั้งหลักอย่างไรหากวันที่ 19 ก.ค.มีเสียงโหวตไม่เพียงพอ นายพิธา กล่าวว่าเป็นไปตามที่เคยได้แถลงผ่านคลิปวีดีโอไป และตามแผนผังโรดแมพ สำหรับสมรภูมิแรก หากคะแนนไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เราก็พร้อมจะถอยให้กับประเทศชาติ ถอยให้กับพรรคอันดับ 2 ก็คือพรรคเพื่อไทย ตาม MOU ขณะเดียวกันยังมีเรื่อง ม.272 ที่ได้ยื่นเข้าไปแล้ว ซึ่งยังอยู่ภายใน15วัน จึงต้องย้ำอีกทีส่าเป็นการดำเนินการของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว 

ส่วนหากวันที่ 19 ก.ค.หากมีการตีความในรัฐสภาว่าเข้าข้อบังคับที่ 41 ไม่สามารถเสนอนายพิธา ซ้ำได้ 8 พรรคร่วมจะดำเนินการอย่างไรในวันนั้น นายพิธา กล่าวว่า วันนี้เราก็มีข้อสรุปการตีความกฎหมายทางฝั่งของเรา ซึ่งพรุ่งนี้จะมีประชุมวิป 3 ฝ่ายอีกครั้ง หากมีโอกาสประชุมวิปก็น่าจะเห็นตรงกัน ญัตติก็คือญัตติ ซึ่งเป็นเรื่องของข้อบังคับ ส่วนการเสนอนายกรัฐมนตรี เป็นคนละหมวดกัน ขอให้รอฟังผลการประชุมวิป 3 ฝ่าย ว่าเหตุและผลฝั่งตรงกันข้ามเป็นอย่างไร ตนได้เห็นแต่พาดหัวข่าวยังไม่ได้ลงรายละเอียด ว่าเหตุใดถึงเห็นเป็นเรื่องของญัตติได้

เมื่อถามว่า ยังยืนยันจับมือเดินหน้าต่อของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายพิธา พยักหน้าแล้วตอบว่า ถึงได้มีมติร่วมในวันนี้

ส่วนบรรยากาศในการประชุมวันนี้เป็นไปได้ด้วยดี มีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลของประชาชนให้ได้ และมีมติส่งตนอีก1ครั้ง ซึางตนจะใช้เวลาที่เหลืออย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า มีการชวนพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมโหวตนายพิธาด้วยนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายพิธา ตอบว่า ยังไม่ใช่มติของ 8 พรรค

เมื่อถามว่าได้มีการหารือเตรียมชื่อสำรองไว้หรือไม่ นายพิธา ตอบทันทีว่า ยังไม่มี 

ส่วนการรวมเสียง ส.ว.ในรอบนี้ จะมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ว่าจะมีการโหวตให้ นายพิธา กล่าวว่า หลังวันที่ 13 ก.ค. ได้มีการรวมเสียง ส.ว.มากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายคนที่ไม่มาลงคะแนนในวันนั้น ก็ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ว่าอาจจะติดภารกิจต่างประเทศบ้างอะไรบ้าง ซึ่งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมาลงคะแนนในรอบที่ 2 ให้

ส่วนกระแสข่าวที่นายพิธา ต่อสายไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจริงหรือไม่แล้วมีการตอบรับอย่างไรนั้น นายพิธา ระบุว่า เป็นเรื่องปกติ และโดยปกติตนจะหารือทางการเมืองกับเพื่อนที่เป็น ส.ส.และ ส.ว. เวลาเดินผ่านในสภาหรือเวลาจะตรวจสอบข้อมูลอะไรก็มีโอกาสได้พูดคุยกัน แต่ไม่ได้มีโอกาสเชิญมาร่วมรัฐบาล ซึ่งตนพูดคุยได้เกือบทุกพรรคยกเว้นพรรคลุง ซึ่งพรรคการเมืองต่างๆได้มีโอกาสพูดคุยถึงสถานการณ์เป็นการแลกเปลี่ยนทางการเมือง ยืนยันว่าเป็นการคุยเรื่องทั่วไปไม่ใช่เรื่องที่สนับสนุนตนเป็นนายกรัฐมนตรี
 
เมื่อถามย้ำว่า ไม่ได้ขอเสียงใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ‘ไม่’ โทรไปแลกเปลี่ยนประเด็นทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หัวหน้าพรรค คุยกับหัวหน้าพรรค ไม่ใช่มาเริ่มทำกันอาทิตย์นี้ 

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับกระแสข่าวดังกล่าว นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ได้เห็นรายละเอีบด ยืนยันว่าน่าจะไม่ได้เป็นความจริง และย้ำอีกว่าไม่ได้ทาบทามเป็นการหารือทางการเมืองพูดคุบหารือซึ่งกันและกัน

ส่วนที่กล่าวว่า การโหวตครั้งที่ 2  ตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ จะวางมือให้พรรคอันดับ 2 สามารถบอกได้หรือไม่ว่าตัวเลขนั้นจะเป็นเท่าไร นายพิธา กล่าวว่า หากมองให้เหมาะสม คิดว่าต้องเพิ่มขึ้น 10% จำนวน 324-344 เสียง หรือ 345เสียง จะเป็นในลักษณะแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะกั๊กไว้ ตั้งใจจะเป็นเลขนัยยะสำคัญแต่ไม่ได้คิดในใจ แต่คงจะมีตัวเลขที่ไม่ฝืนสายตาของประชาชน 

เมื่อถามว่า ประเมินว่ารอบ 2 จะมีการเสนอขื่อแข่งด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ฟังสัมภาษณ์จากพรรคการเมือง10พรรค มีการพูดเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย ทุกคนพูดว่า เรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นไปไม่ได้ อย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคร่วมไทยสร้างชาติ และนายอนุชา นาคาศรัย แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แข่งนายกฯ สามารถรวมเสียงได้หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ต้องฝากนักข่าวไปถามพล.อ.ประวิตร

ส่วนกระแสการซื้องูเห่าไปอยู่ขั้วตรงข้ามแล้วพลิกขั้วรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลได้ติดตามและคอยเช็กตลอด มั่นใจว่าทุกคนได้รับบทเรียนของการเป็นงูเห่าและได้คะแนนกลับมาเป็นหลักพันกว่าคะแนนเท่านั้น มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลไม่มีอะไรและเพื่อไทยก็คงคิดแบบนั้น 

ส่วนเรื่องการถอยเรื่องประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วจะมีพรรคอื่นที่มีจุดยืนไม่เอา ม.112 มาร่วมโหวตให้ นายพิธา กล่าวว่า ต้องคิดว่าในมุมของตน ในสิ่งที่เราคิด ม.112 เป็นข้ออ้างที่อยู่ข้างหน้า แต่ข้างหลังก็คงมีหลายเรื่อง ที่นำมาเป็นเหตุผลตามที่สื่อมวลชนหลายสำนักวิเคราะห์กัน มีหลายเรื่องที่อ่านไปส่งผลกระทบกับสัมปทาน เกี่ยวกับผลประโยชน์ การปฏิรูปกองทัพ ที่พรรคก้าวไกลต้องการให้ทหารออกจากการเมืองให้ได้  ดังนั้น ตนคิดว่าเรื่อง ม.112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเหมือนกันแต่ไม่ใช่ทุกอย่าง พอเรื่องนี้หายไปเรื่องอื่นก็จะมาอีก และที่สำคัญที่สุดคือต้องการรักษาคำพูด ก่อนหาเสียงพูดไปอย่างไรหลังหาเสียงก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าสู่อำนาจด้วยทุกวิถีทาง

ส่วนเรื่องศาลรัฐธรรมจะพิจารณาในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันโหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า ก็เห็นว่ามีการประชุมในวาระที่ 4 แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ไม่ได้ทำให้ความเป็นแคนดิเดตนายกฯหายไป เมื่อเทียบกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลใจแต่อย่างใด

ในช่วงท้ายของการแถลง สื่อมวลชนได้ถามนายพิธาว่าหากเสนอชื่อไม่สำเร็จกี่ครั้งจะยอมถอยให้กับพรรคเพื่อไทย นายพิธา กล่าวว่า ขอให้ยึดตามที่แถลง ผู้สื่อข่าวถามว่า 2 ครั้งใช่หรือไม่ นายพิธา พยักหน้าแล้ว ชูนิ้ว 2 นิ้ว

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้กังวลที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ว่าจะรับหรือไม่รับวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติ เพราะไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 

 

logoline