ไทม์ไลน์การเปิดสภาฯปรากฎชัดแล้วว่าจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม จากนั้นจะมีการเลือก"ประธานสภาฯ"ในวันที่ 5 กรกฎาคม หากไม่มีเหตุคลาดเคลื่อนอะไรมากมาย การโหวตนายกรัฐมนตรี น่าจะเกิดขึ้น 15 กรกฎาคม และมีการจัดตั้งรัฐบาลดำเนินการถวายสัตย์ฯ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ในช่วงปลายกรกฎาคมหรือไม่เกินต้นเดือนสิงหาคม
การเริ่มต้นของรัฐบาลใหม่ ดูจะเข้าสู่ช่วงคาบเปลี่ยนผ่านของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ถูกกำหนดไว้ก่อนสิ้นเดือนกันยายนของทุกปี อีกด้วย โดยเฉพาะการจัดทัพข้าราชการระดับสูง ผู้บัญชาการเหล่าทัพถือเป็นกลไกสำคัญในการสนองนโยบายรัฐบาลใหม่
อย่างไรก็ดี ภายหลังความปั่นป่วนใครจะมาเป็น"ประธานสภาฯ" จะเป็นสิทธิของพรรคไหนระหว่าง"ก้าวไกล"กับ"เพื่อไทย" ไม่ว่าปมปัญหานี้เคลียร์จบหรือไม่ หรือสุดท้ายจะไปจบด้วยเปิดฟรีโหวตแข่งกันในสภา ก็ยังต้องติดตามกันต่อ ด้วยประเด็นการโหวตนายกฯ การฟอร์มครม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครจะนั่งเก้าอี้ รมต.สายความมั่นคง "รมว.กลาโหม"
ไม่ใช่แค่เก้าอี้สำคัญในทางการเมืองเท่านั้นที่ก้าวไกลเสี่ยง "ไม่เหลืออะไรเลย" แต่นโยบายหลักๆ ที่ตั้งใจจะเข้าไปทำ และคนรอลุ้นกันมาก เช่น ปฏิรูปกองทัพ,เลิกเกณฑ์ทหาร,ปราบส่วย ซ่อง บ่อนพนัน ,ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับก้าวไกลเช่นกัน
ก่อนจะไปถึงการเดินหน้านโยบาย ต้องถามว่า การจะตั้ง "มือไม้" เข้าไปกำกับดูแลการทำงานของ "กองทัพ" และ "ตำรวจ" ก้าวไกลจะทำได้หรือไม่ เพราะหากกระบวนการตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะการเลือกนายกฯ ยืดเยื้อล่าช้าออกไป อาจไม่ทันการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่วาระประจำปีรอบนี้
ที่สำคัญคือ ปีนี้ "ผู้นำเหล่าทัพ"เกษียณอายุราชการครบทุกเหล่าทัพ รวมทั้งตำรวจ
ไล่เรียง"ไทม์ไลน์"การจัดทำโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลกันสักหน่อย เป็นไปดังนี้
ต้นเดือนกรกฎาคม - แต่ละเหล่าทัพเริ่มจัดโผแรก
ปลายเดือนกรกฎาคม - นัดประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม (คณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล)
ปลายเดือนกรกฎาคม-กลางสิงหาคม - อาจมีการประชุมเพิ่มเติม หากบัญชีไม่เรียบร้อย หรือมีปัญหาในบางตำแหน่ง
ครี่งหลังของเดือน สิงหาคม เป็นต้นไป - นำบัญชีขึ้นทูลเกล้าฯ
พิจารณาจากไทม์ไลน์แล้ว หากการโหวตเลือก"นายกฯ"ยืดเยื้อ ไม่จบในนัดเดียว หรือหาทางออกไม่ได้เกี่ยวกับแคนดิเดตคนสำคัญอย่าง "ว่าที่นายกฯพิธา ลิ้มเจริญรัตน์"
โอกาสที่รัฐบาลใหม่จะเข้ารับตำแหน่งทันการจัดโผ แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะการจะมีอำนาจเต็มเข้าไปทำงานได้จริงนั้น ไม่ใช่แค่ตั้งรัฐบาลได้ แต่ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ และแถลงนโยบายก่อนด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ก็ยังเป็นเหมือน"กำแพงสกัดฝ่ายการเมือง" ไม่ให้ล้วงลูกโผทหารด้วย
มาตรา 25 ระบุว่า "ให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นกรรมการ ปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เจ้ากรมเสมียนตราเป็นผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพล...”
นับเฉพาะกรรมการ มี 7 คน คือ
รมว.กลาโหม
รมช.กลาโหม
ผบ.ทสส.
ผบ.ทบ.
ผบ.ทร.
ผบ.ทอ.
ปลัด กห.
ฝ่ายการเมืองมี 2 คน จาก 7 คน คือ รมว.กลาโหม และ รมช.กลาโหม ถ้าไม่มี รมช. ก็จะเหลือแค่เสียงเดียว = เสียงข้างน้อย
ฉะนั้นต้องบอกว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล ฝ่ายการเมือง แม้แต่นายกฯ แทบจะล้วงลูกไม่ได้เลย
"ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเชี่ยวชาญด้านกิจการกองทัพ ระบุว่า
-ปัญหาที่กลัวกัน หากพรรคก้าวไกลส่งคนเข้าไปเป็น รมว.กลาโหม หรือ "พิธา" ไปนั่งควบเอง ก็คือการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้าย
-แต่จริง ๆ แล้วปัจจุบันมี พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมฯ ลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง
-มีคณะกรรมการปรับย้าย 7 เสือกลาโหม ทั้งหมด 7 คน ถ้าต้องโหวต ยังไงฝ่ายการเมืองก็ไม่ชนะ ฉะนั้นฝ่ายการเมืองจึงล้วงลูกได้น้อยมาก
-ที่ผ่านมาใช้การพูดคุย และหาฉันทามติ หากบางตำแหน่งไม่เหมาะสมจริงๆ และฝ่ายการเมืองแสดงเจตนา กองทัพก็จะถอยให้
-ฉะนั้นหากรัฐบาลรักษาการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ("บิ๊กตู่" ควบ รมว.กลาโหม) อาจมีคำถามเรื่องความเหมาะสม มารยาท แต่โดยหลักการของการทำบัญชีแต่งตั้งของกองทัพ จะปล่อยให้เหล่าทัพทำบัญชีขึ้นมาอยู่แล้ว แม้จะอยากเปลี่ยน ไม่ว่าจะรัฐบาลรักษาการ หรือรัฐบาลใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะติด "พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวง กลาโหมฯ"
สุดท้ายแล้วถ้าพรรคก้าวไกลเข้ามามีอำนาจ จะเสนอแก้กฎหมายฉบับนี้ด้วยหรือไม่ โดยอ้างกองทัพต้องยึดโยงประชาชน (ผู้แทน - ส.ส. ผู้แทนปวงชน)
นี่คืองานหินของก้าวไกล ยังไม่ต้องไปไกลถึง"ปฏิรูปกองทัพ"