
29 พฤษภาคม 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวกรณี กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ให้ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลว่า พรรคเพื่อไทยโดยคณะกรรมการบริหารพรรค มีมติชัดเจนว่า เรายอมรับความต้องการประชาชน 25 ล้านเสียง ที่เลือกพรรคก้าวไกลมา 14.2 ล้านเสียง พรรคเพื่อไทย 10.8 ล้านเสียง อยากให้มีรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ เรายึดถือเจตจำนงค์นี้เป็นหลัก
มั่นใจพรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลได้เป็นอย่างดี ส่วนที่เสนอว่าหากพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถรวมเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลได้ ให้พรรคอันดับสองเป็นผู้รวมเสียงข้างมากนั้น เรายังคงมีเจตจำนงทำตามแนวทางที่หนึ่งให้สำเร็จให้ได้ ประเด็นนี้เราจึงขอรับฟังไว้ แต่ขณะนี้เรามุ่งมั่นตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลให้จงได้
นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยมีดีลลับกับพรรคต่างๆ ว่า พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธ หลังจากเลือกตั้งมาพรรคเพื่อไทยไม่มีดีลลับกับใคร มีแต่ดีลจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมลงนามในเอ็มโอยูเท่านั้น อยากให้ไปถามคนที่เสนอออกมา หากเป็นดีลลับทำไมถึงมีคนรู้แล้วออกมาปล่อยข่าวก็อยากให้ไปถามคนนั้น ส่วนกรณี ปรากฏภาพนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย อยู่ร่วมเฟรมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แล้วนำไปโยงกับดีลลับนั้น
“นายเศรษฐา ทวีตข้อความออกมาชัดเจน นายเศรษฐาเป็นคนตรงไปตรงมา เรื่องนี้เขาเตรียมตัวเป็นเดือน อีกทั้งการดูฟุตบอลเป็นสิทธิเสรีภาพ ยืนยันไม่มีดีลลับ”
เมื่อถามว่า ล่าสุดอดีตนักการเมือง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยว่า มีดีลลับลังกาวี นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวน่าจะไปถามนายชูวิทย์ ในนามพรรคเพื่อไทยเราไม่รู้ไม่เห็นจริงๆเรื่องพวกนี้ พร้อมย้ำ ในนามของพรรคไม่มี
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยได้ประเมินหรือไม่กับการเปิดเผยข้อมูลต่างๆออกมาในช่วงนี้ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีการเปิดเผยข้อมูลหลากหลาย ส่วนจะมีข้อเท็จจริงหรือไม่ต้องดูกันอีกที แต่ในนามพรรคเพื่อไทยที่ถูกอ้างถึงโดยตรง สิ่งที่เขาพยายามพูดไม่ใช่ข้อเท็จจริง เราไม่มีพฤติกรรมไปทำเช่นนั้นแน่นอน
หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล คือจะทำอย่างไรให้บรรลุเจตจำนงของประชาชน ให้มีรัฐบาลประชาธิปไตยเกิดขึ้น ข้อกังวลต่างๆตามข่าวที่ออกมาไม่สามารถลบเจตจำนงของประชาชนได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวต่างๆออกมา ถือเป็นมิติทางการเมือง ตนเป็นหัวหน้าพรรคมองเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าจะเกิดก่อนหรือหลังเลือกตั้ง หรือแม้เป็นรัฐบาลไปแล้วก็จะมีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ
เมื่อถามว่าในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) จะคุยกันเรื่องตำแหน่งต่างๆในการคุยกับ 8 พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามที่เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้เสนอมาคือ ระบุถึงเรื่องทิศทางการทำงานร่วมกันที่จะจัดตั้งรัฐบาล และเตรียมตัวเป็นรัฐบาลในช่วงเปลี่ยผ่าน ว่ามีการทำงานรูปแบบไหน และมีคณะกรรมการร่วมกันที่จะทำหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้การทำงานต่อเนื่องกับรัฐบาลชุดเดิม กรณีที่ได้รับตำแหน่งหน้าที่แล้วให้เป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหลัก
สำหรับเรื่องตำแหน่งในมุมของตน เห็นว่าไม่ควรคุยกันในเวที 8 พรรคนั้น ซึ่งการเจรจาการทำงานร่วมกันมีกรอบแล้วว่า ทำอย่างไร ทางพรรคแกนนำควรไปคุยกับพรรคร่วมต่างๆให้ได้ข้อสรุป แล้วจึงค่อยนำขึ้นมาพูดคุยกันบนเวที 8 พรรค เรื่องตำแหน่งต่างๆ อีกครั้ง และขณะนี้ยังไม่คุยกันอย่างเป็นทางการ
“ในภาวะที่สังคมกำลังรอฟังอย่างนี้ ถ้าแปลงข้อเท็จจริงไปเป็นในมุมลบ ก็จะลบไป เราพยายามปิดกั้นไม่ให้ประชาชนกังวล อะไรที่เราคุยกันได้ มันจบแล้วเอามานำเสนอเป็นที่ยุติ น่าจะดีที่สุด ไม่ควรคุยกันบนโต๊ะที่ยังไม่จบ ประสบการณ์เรามีมาแล้ว 3-4 วันที่ผ่านมาทำให้ประชาชนกังวลมาก”
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ได้หารือเรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วหรือยัง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คณะทำงาน 2 พรรคกำลังประสานอยู่ รวมถึงตำแหน่งอื่นๆเช่นกันว่า มีความคิดเห็นอย่างไร เป็นไปตามที่คุยหรือไม่ มีข้อเสนออย่างไร รับได้ไม่ได้อย่างไร หลังจากนั้นจะเอามาพูดคุยกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจและตอบ ทั้งนี้ เรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ รีบคุย รีบจบมีคำตอบ จะดีที่สุด ทีมเจรจากำลังพยายามกันอยู่ และมั่นใจว่าไม่บานปลายจนไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้