29 พฤษภาคม 2566 "นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล" อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 มาเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กรณีร้องเรียน "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประเด็นการถือครองหุ้นสื่อไอทีวี โดยขอให้ กกต. เร่งพิจารณาและมีมติก่อนที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
"ส่วนที่หลายคนแสดงความเห็นอยากให้นายพิธา ได้ทำหน้าที่บริหารประเทศไปก่อน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้นั้น ส่วนตัวเห็นว่าจะต้องยึดโยงกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมู่" นายนพรุจ กล่าว
ด้าน "นายสนธิญา สวัสดี" อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนไม่ได้ยื่นปมถือหุ้นสื่อ แต่ยื่นขอให้ กกต. เร่งรัดการพิจารณาการถือหุ้นสื่อ ก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (29พ.ค.) จึงมาให้ถ้อยคำต่อ กกต. เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบความเสียหายขึ้นในวงกว้าง พร้อมขอเรียกร้องไปยังพรรคก้าวไกลและนายพิธา แม้ผ่านความชอบธรรมในการที่จะถูกเสนอชื่อไปเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผล คือ กกต.อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อร้องเรียนผลการเลือกตั้ง เพื่อรับรองผลการเลือกตั้งให้ครบ 95% หรือ 476 คน เพื่อให้สามารถเปิดสภา เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายกฯ
ทั้งนี้ โดยจะขอให้ กกต. พิจารณาว่า หาก กกต. จะส่งรายชื่อของนายพิธา ที่มีข้อร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสภาไม่ว่าจะพรรคก้าวไกลหรือพรรคเพื่อไทยจะกล้าทูลเกล้าฯ เสนอชื่อนายพิธาเป็นนายกฯ หรือไม่ ในขณะที่ กกต. ก็ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ประเทศไทยก็จะมีช่องว่างในการปกครอง และหากมีรัฐบาลรักษาการ ก็ไม่สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่
"วันนี้ผมมาเร่งรัดและสอบถามไทม์ไลน์การพิจารณาของ กกต. เพื่อให้ประชาชนรู้ความจริงว่าจะมีนายกฯ ได้เมื่อไหร่ และถ้าหากว่านายพิธา ถือหุ้นจริง ก็จะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าไม่ได้โกรธเคืองใครเป็นพิเศษ แต่เชื่อว่านายพิธาขาดคุณสมบัติ ส่วนการเคลื่อนไหวบนท้องถนน ก็มีความเป็นไปได้จากทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคนไทยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและเคารพกฎหมาย ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร" นายสนธิญา กล่าว
ส่วนที่มีหลายฝ่ายออกมามองว่าตอนนี้หลักนิติรัฐบิดเบี้ยวนั้น ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติโดยประชาชนเกือบ 17 ล้านเสียง ต้องถามกลับว่าบิดเบี้ยวในลักษณะใด ฝ่ายไหนบอกว่าบิดเบี้ยว และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านการใช้มาแล้ว 4 ปีในสภาผู้แทนราษฎร ถ้าเห็นว่าบิดเบี้ยวทำไมไม่คิดแก้ เหตุใดไม่ดำเนินการในช่วงที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขณะนั้นก็มี ส.ส.ของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และทุกพรรค ที่สามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ โดยไม่ต้องมาบอกว่าบิดเบี้ยว
"กราบนมัสการไปถึงพระพยอม ที่ออกมาบอกให้ผมหยุดเคลื่อนไหว แล้วให้นายพิธา ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ได้ทำหน้าที่ก่อนนั้น ผมขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง แต่เพราะนายพิธา และพรรคก้าวไกล ไม่จัดการตนเองให้มีคุณสมบัติถูกต้องตามธรรมนูญ จึงไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร ไม่ใช่เรื่องชอบ ไม่ชอบ เกลียด ไม่เกลียด หรือไม่มีเมตตาธรรม แต่มันไม่มีการกระทำที่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย" นายสนธิญา ระบุ