ปอกเปลือก MOU หน้าฉากแนบแน่น-หลังฉาก"รอยร้าว"จัดตั้งรัฐบาล

ฉาก "หน้า" อาจฉาบไว้ด้วยความเป็นปึกแผ่นของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาล ที่เห็นสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อจับมือเดินหน้าตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ท่ามกลางความเห็นต่าง ที่ยังคงจุดร่วมเอาไว้ ทว่า ฉาก "หลัง" กลับมีข่าวปรากฏถึงการต่อรอง โดยเฉพาะบางท่อน บางตอน ของเนื้อหา MOU ซึ่งมีการตัดและตบแต่งใหม่

จนทำให้ฤกษ์ยามของการแถลง MOU จากที่นัดหมายกันไว้เวลา 16.30 น. ต้องถูกขยับออกไป 16.50 น. ซึ่งช้ากว่ากำหนดการเดิมไปถึง 20 นาที ซึ่งการต่อรองที่ว่านั้น เกิดจาก 3-4 พรรคการเมือง ที่มีเป้าประสงค์นำไปสู่ผลบางประการ เพราะหากไม่แล้ว การแถลงข่าววันที่ 22 พ.ค. จะกลายเป็นโมฆะ บนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย



 

กระแสข่าวการต่อรองนั้นดูจะใช่ "เรื่องจริง" หลังแกนนำก้าวไกล อย่าง "ศิริกัญญา ตันสกุล" รองหัวหน้าพรรค ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ออกมายอมรับผ่านรายการ "คมชัดลึก" ทาง "เนชั่นทีวี" เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ถึงการต่อรองเนื้อหาบางส่วนนั้นจริง ซึ่งสรุปใจความได้ว่า

• มีการเพิ่มเนื้อหาตามรัฐธรรมนูญซึ่งเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ  
• มีการตัดเนื้อหาข้อ 2 เรื่องคืนความยุติธรรมผู้ได้รับผลกระทบจากรัฐประหาร
• เพิ่มเรื่องสาธารณสุขและปรับถ้อยคำโดยเฉพาะกัญชาให้ชัดเจนมากขึ้น
• มีเวลาหารือน้อยเพียง 1 ชม. และต้องทำให้เสร็จ
• ข้อตกลงต้องได้ "ฉันทามติ" หากไม่ต้องถอดหัวข้อนั้นออกเพื่อความสบายใจทุกฝ่าย
  
   

กระนั้น เมื่อนำเนื้อหา MOU ทั้ง 2 ฉบับ คือ 13 ข้อ ซึ่งเป็นร่างเดิม และฉบับ 23 ข้อ ที่ร่างขึ้นใหม่

โดยเรื่องที่หายไปจากร่างเดิม อาทิ  

-คืนความยุติธรรมผู้ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร

-ออกกฎหมายนิรโทษกรรม

ส่วนเนื้อหาที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในร่างใหม่ อาทิ

-ยกระดับสาธารณสุข

-แก้ไขยาเสพติดเร่งด่วน โดยเฉพาะนำกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด

จะเห็นได้ว่า ประเด็นหลักสำคัญๆ ที่พรรคก้าวไกลเคยหาเสียงไว้กลับไม่ถูกบรรจุอยู่ใน MOU แม้แต่ข้อเดียว เช่น การแก้มาตรา 112 ปฏิรูปกองทัพ ขึ้นค่าแรงทันที 450 บาท ยกเลิกกฎหมายพิเศษ ยุบ กอ.รมน.ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ลดค่าไฟทันที ฯลฯ



ขณะเดียวกัน จากเหตุการณ์เหล่านี้ สอดรับกับ "เนชั่นทีวี" ได้วิเคราะห์ต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเป้าหมายการชิงเก้าอี้ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภา มาไว้ในครอบครอง

เนื่องด้วย มีกระแสข่าวว่า "พรรคเพื่อไทย" ขอจองเก้าอี้ประธานสภาฯ เพราะพรรคก้าวไกล ได้เก้าอี้นายกฯ ไปแล้ว

กลายเป็นคำถามตามว่า "ประธานสภาฯ" ตำแหน่งนี้มีหน้าที่สำคัญไฉน

1.เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

2.มีหน้าที่นำชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ

3.ตรวจสอบจะรับหรือไม่รับกฎหมาย ก่อนบรรจุเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาฯ   

ทว่า ก่อนไปถึงช่วงเวลาที่ว่านี้ จะเกิดขึ้นหลัง กกต. รับรอง ส.ส.ครบ 95% ซึ่งรัฐธรรมนูญให้เวลาไว้ถึง 60 วัน แต่จะเร็วกว่านั้นได้ เมื่อ กกต. รับรอง ส.ส.ครบ ก็จะมีการเปิดประชุมรัฐสภานัดแรก เป็น "รัฐพิธี" ภายใน 15 วัน จากนั้นจะมีการประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ

จากนี้คงจะได้เห็นการต่อรองกันหนักหน่วง ระหว่าง 2 พรรคใหญ่ ที่มีจำนวน ส.ส. ใกล้เคียงเบียดกันมา และจะเริ่มทวีความคุกรุ่นขึ้นตามจังหวะก้าวทางการเมือง