22 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง"นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดแถลง การจัดทำ"MOU จัดตั้งรัฐบาล" ร่วมกับ 7 พรรค เสร็จสิ้นลง ปรากฎว่า "นายปิยบุตร แสงกนกกุล" อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบพรรค ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็น โดยไม่เห็นด้วยในสองประเด็นที่มีการปรับแก้ไขใน"MOU"
มีเนื้อหาดังนี้
[สองประเด็นที่ผมไม่เห็นด้วยกับ "MOU" การร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล]
ผมขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่สามารถเจรจาการจัดตั้งรัฐบาลคืบหน้าไปอีกขั้นตอน และสนับสนุน เอาใจช่วยให้ตั้งรัฐบาลได้สำเร็จภายใต้การนำของ"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"
ผมได้อ่าน "MOU" การร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลแล้ว ผมไม่เห็นด้วยในสองประเด็น ซึ่งแตกต่างไปจากเนื้อหาที่ปรากฏในร่าง "MOU" สุดท้ายที่หลุดออกมาทางสื่อ
ประเด็นแรก
การเพิ่มข้อความที่ว่า “ต้องไม่กระทบกับรูปแบบของรัฐและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการดำรงอยู่ในสถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์”
เหตุผล
การบัญญัติข้อความนี้ซ้ำลงไป ไม่ส่งผลใดๆในทางกฎหมายและในทางการเมือง เพราะอย่างไรเสีย รัฐบาลใดที่มาจากการเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐและระบอบการปกครองได้อยู่แล้ว พวกที่ทำแบบนี้ได้ คือ พวกก่อการรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ตรงกันข้าม การเขียนลงไปแบบนี้ คือ การแสดงออกแบบ "กินปูนร้อนท้อง" หรือ "วัวสันหลังหวะ" เสียมากกว่า
นอกจากนั้น การเพิ่มถ้อยคำที่ว่า "สถานะอันเป็นที่สักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ขององค์พระมหากษัตริย์" ก็อาจเป็น "บ่วงรัดคอ" ที่ทำให้พรรคก้าวไกลต้องประสบปัญหาในการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ในอนาคต
ข้อความเหล่านี้ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2560 อยู่แล้วว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และรูปแบบของรัฐได้
ตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี ผมแสดงความเห็นทางวิชาการไว้หลายครั้งเกี่ยวกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแบบมาตรา 6 ที่ว่า "องค์พระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้"
โดยเฉพาะประเด็นประวัติศาสตร์ความเป็นมาของบทบัญญัตินี้ การเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญต่างประเทศ แนวทางการตีความของศาลรัฐธรรมนูญไทยที่ตีความกว้างขวางออกไปเกินความเป็นจริงจากเจตนารมณ์ของบทบัญญัตินี้ และเห็นว่าควรปรับแก้บทบัญญัตินี้เสียใหม่ ให้สอดคล้องกับหลัก "พระมหากษัตริย์ไม่ทรงกระทำผิด เพราะพระมหากษัตริย์ไม่ทรงมีพระราชอำนาจทางการเมือง การบริหาร โดยแท้ แต่เป็นรัฐมนตรีผู้มีอำนาจและต้องรับผิด" แต่นั่นเป็นความเห็นส่วนตัวของผม ส่วนพรรคก้าวไกลจะคิดอ่านแก้ไขเรื่องเหล่านี้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของพวกเขา (ซึ่งผมคิดว่าพวกเขาคงไม่แตะ)
ผมเห็นว่า การเพิ่มถ้อยคำนี้ลงไปใน "MOU" อาจจะไป "รัดคอ" พรรคก้าวไกลในภายหลังได้ เมื่อพรรคก้าวไกลเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 (ตามที่เคยเสนอไป และตามที่เคยแถลงเป็นนโยบาย) ก็อาจจะถูก ส.ส. ส.ว. และศาลรัฐธรรมนูญ นำมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญมาผสมผสานกับข้อความใน "MOU" ดังกล่าว มาขยายความตีความแบบพิสดาร เพื่อมัดไม่ให้พรรคก้าวไกลได้ใช้กลไกสภาแก้ไข"มาตรา 112" ได้
ต้องไม่ลืมว่า ในส่วนแนวทางปฏิบัติ ข้อที่ 5 ใน "MOU" นี้ เปิดทางให้ ส.ส.ของแต่ละพรรคทำเรื่องอื่นๆได้ผ่านการตรากฎหมายในสภา แต่ "ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงนี้"
ประเด็นที่สอง
การตัดเรื่องการผลักดันให้มีการนิรโทษกรรมคดีเกี่ยวกับการ แสดงออกทางการเมือง ผ่านกลไกรัฐสภา ออกไป
เหตุผล
"พรรคก้าวไกล"มีพันธกิจสำคัญที่รับมาจากความคาดหวังของประชาชน เยาวชน จำนวนมาก ในการยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่พัวพันกันมาตั้งแต่รัฐประหารปี 49 ผ่านเหตุการณ์ปี 53 ผ่านรัฐประหาร 57 และการชุมนุมของ "ราษฎร" ในปี 63-65
การจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้สำเร็จ ต้องใช้กลไกการนิรโทษกรรม ให้กับบุคคลที่ถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองเสียก่อน
กลุ่มคนเหล่านี้ ไม่ใช่อาชญากรโดยสันดาน พวกเขาเพียงแต่มีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน เห็นไม่ตรงกันเท่านั้น
เวลาต่อมา ภายหลัง "นายปิยบุตร"โพสต์ข้อความแรก ห่างกัน 30 นาที นายปิยบุตร ได้โพสต์ข้อความตอกย้ำการแก้ไข "MOU" อีกครั้ง
มีเนื้อหาดังนี้ น่าเสียดายที่ตัดข้อความเรื่องการนิรโทษกรรมคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองออกไป
และในอนาคต ข้อความ "ต้องไม่กระทบต่อ… การดำรงอยู่ของสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์" จะกลายมาเป็นอุปสรรคมิให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา "มาตรา 112"
ไม่แน่ ต่อไป ข้อความนี้ อาจถูกแปลงสารแปลความให้หมายถึง ห้ามเสนอแก้ไข"มาตรา 112" ในแบบร่างที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอ มิพักต้องพูดถึงร่างที่ประชาชนเข้าชื่อกันและรอเสนอต่อสภาด้วย
ย้ำตรงนี้อีกครั้ง เผื่อใครมาอ่านแล้วไม่เข้าใจ
ผมไม่ได้บอกว่าต้องใส่เรื่องแก้ 112 ลงไปใน MOU
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ต้องประนีประนอม
ผมเห็นว่า "MOU" แบบร่างสุดท้ายที่หลุดออกมาทางสื่อนั้น พอไปได้แล้ว เหมาะสมแล้ว ประนีประนอมแล้ว