ดุเดือดเลือดพล่านขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการเลือกตั้ง ปี 2566 โดยเฉพาะแนวรบด้าน "ประชานิยม" ที่หลายพรรคคิดแคมเปญมาบลัฟกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งหากโฟกัสเฉพาะนโยบายเด่นๆ (แต่ไม่รู้จะทำได้หรือไม่) ก็ประกอบด้วย 4 นโยบาย ที่เกี่ยวข้องกับเงินๆ ทองๆ ดังนี้
ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท
วันที่ 6 ธันวาคม 2565 “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะเจ้าตำรับประชานิยม ก็ได้สร้างความฮือฮา ด้วยการประกาศ 11 นโยบาย หากได้เป็นรัฐบาล แต่นโยบายที่สร้างกระแส Talk of the Town ให้มากที่สุด ก็คือการระบุว่า จะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 600 บาท ภายในปี 2570
บทความที่น่าสนใจ
คณิตศาสตร์การเมือง ความน่าจะเป็นของ “พรรคเพื่อไทย” ในการเป็นรัฐบาล
“นายกรัฐมนตรี” ต้องเป็น ส.ส. หรือไม่ ? กับประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน
บัตรประชารัฐ 700 บาท
หลังจากนั้น ประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ก็ถูกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่นโยบายนี้ได้รับ “การจดจำ” เป็นที่เรียบร้อย กระทั่งวันที่ 17 มกราคม 2566 “พรรคพลังประรัฐ” ก็ประกาศนโยบาย “บัตรประชารัฐ 700 บาท” แสดงตัวอย่างโจ๋งครึมขอร่วม “ศึกประชานิยม” ครั้งนี้ด้วย ทำให้เสียงเรียกขาน “ป้อม 700” ติดปากในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งหากวิเคราะห์ในเชิงกลยุทธ์ ก็ต้องถือว่า “บัตรประชารัฐ 700 บาท” เป็นการวางหมากการตลาดที่เข้าขั้นแพรวพราว เพราะอย่างที่รู้ๆ กัน หากพูดถึงนโยบายที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ “พรรคพลังประชารัฐ” ในฐานะรัฐบาล ก็คือ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” นโยบายดังกล่าวจึงเป็นการต่อยอด และช่วงชิงจังหวะความได้เปรียบ ปาดหน้า “พรรครวมใจสร้างชาติ” ของ “บิ๊กตู่” ไปอย่างเจ็บแสบ
และถึงแม้ “บัตรประชารัฐ” กับ “ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท” จะเป็นคนละเรื่องกัน แต่การเลือกใช้ตัวเลข 700 ก็เสมือนการประกาศบลัฟ “พรรคเพื่อไทย” ไปในตัว เรียกว่างานนี้ “บิ๊กป้อม” ยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว
บัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาท
แต่คนอย่าง “บิ๊กตู่” มีหรือจะยอมให้ใครมาหยามง่ายๆ แม้จะเป็นพี่ชายที่เคารพรักกันมา แต่หักเหลี่ยมกันอย่างนี้ มันก็ต้องชนกันสักตั้ง ว่าแล้วในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 “บิ๊กตู่” ก็ประกาศเปรี้ยงกลางเวทีปราศรัยใหญ่ที่โคราช “บัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาท” เพื่อฟาดกลับ “พรรคพลังประชารัฐ” ไปอย่างเต็มๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท
แต่ “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” ในวันเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกฯ “พรรคเพื่อไทย” คือวันที่ 5 เมษายน 2566 “เศรษฐา ทวีสิน” 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ก็ประกาศนโยบาย “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ที่จะให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จนกลายเป็นข่าวฮือฮาอยู่ในเวลานี้
และช่วงเวลาอีก 1 เดือนกว่าๆ ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ก็ต้องติดตามกันว่า พรรคใดจะมีนโยบายที่เรียกเสียงซี้ดซ้าดออกมาได้อีก เพราะในวันนี้แต่ละพรรคใส่เกียร์ไล่ขยี้กันจนไปไกลสุดกู่ จากนโยบาย “ประชานิยม” จนกลายเป็นนโยบาย “โคตรประชานิยม” กันไปแล้ว