“นักวิชาการ” มอง ศึกอภิปรายฝ่ายค้านนำรัฐบาล ทว่า “ลุงตู่” โดดเดี่ยว

17 กุมภาพันธ์ 2566 ผศ.ดร.เชษฐา ทรัพย์เย็น ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ในฐานะเลขาธิการสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย ให้ความเห็นต่อการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ตลอดทั้ง 2 วัน โดยยอมรับว่า วันนี้ประเด็นมีความเข้มข้นกว่าเมื่อวานเท่าตัว มีการลุกหนักไปถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ
 

ทั้งนี้ แต่ข้อสังเกตก้าวไกล เล่น 3 ป.หนัก เพราะชัดเจนว่าไม่เอา ต่างจากเพื่อไทย แตะ พล.อ.ประวิตร เบากว่าที่ควรจะเป็น ทำให้บรรยากาศการอภิปรายแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา ๆ ทำให้ฐานเสียงขั้วตรงข้ามรัฐบาล เห็นแนวโน้มใครเชื่อมกับใคร อีกทั้ง ยังมีผลต่อการลงคะแนนเลือกตั้ง



ผศ.ดร.เชษฐา ยอมรับว่า เท่าที่ฟังการอภิปรายทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นการหาเสียง เพราะอภิปรายจริงๆ ต้องโฟกัส 4-5 ประเด็น แต่รอบนี้ไม่เกาะกลุ่ม ใช้เป็นเวทีหาเสียงมากกว่าการอภิปราย ส่วนตัวจึงให้คะแนนตลอด 2 วัน โดยฝ่ายค้าน ให้ 7 เต็ม 10 ขณะที่ รัฐบาล ตอบไม่เคลียร์ให้ 5 คะแนน

“ฝ่ายค้านไม่โฟกัสถล่ม เอาประเด็นเบี้ยหัวแตกมาเล่น ควรพุ่งเป้า การวางแผนฝ่ายค้านรอบนี้ น่าจะไม่ได้มุ่งเพื่อล้ม แต่ตีให้กระจาย เพื่อเปิดโอกาสหาเสียง ทำให้ความเข้มข้นวันแรกไม่เห็น แต่วันนี้ที่เข้มข้นได้เพราะ เพราะขุนพลก้าวไกล ถล่มจริง เพื่อไทยเซฟตัวเอง แต่ที่ชัด ๆ คือ ลุงตู่ โดดเดี่ยวจริงๆ แทบไม่เห็นใครช่วย แม้จะมีส.ส.รวมไทยสร้างชาติอยู่ แต่ก็เป็นมือใหม่การเมือง” ผศ.ดร.เชษฐา ระบุ



ขณะที่ รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง มองภาพรวมการอภิปรายครั้งนี้ว่า ดีขึ้นจากครั้งก่อน และดีใจที่ไม่มีการประท้วงกันวุ่นวาย ทั้ง 2 ฝ่าย ประคับประคองไปได้ดี  โดยให้คะแนนภาพรวมทั้ง 2 วัน ที่ 8 เต็ม 10 คะแนน  ส่วนฝ่ายค้าน ให้อยู่ที่ 7 เต็ม 10 คะแนน แม้เรื่องที่นำมาอภิปรายเปิดแผลรัฐบาลจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นการนำแผลเก่ามาแต่งแต้มเติมสี แต่ก็เรียกความสนใจจากคนดูได้ไม่น้อย



ขณะที่ ฝ่ายรัฐบาล ยิ่งอยู่นานยิ่งมีแผลเยอะ จุดอ่อนก็เยอะ ให้ 5 เต็ม 10 คะแนน การชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบไม่ตรงคำถาม ไม่ชัดเจน และตอบไม่เป็นรูปธรรม

ส่วนประเด็นที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าการอภิปรายครั้งนี้ดูเหมือนว่าเป็นการหาเสียงมากเกินไปหรือไม่ อ.สุขุม ระบุว่า ถึงจะเป็นการหาเสียง แต่ยังไงก็ไม่ได้คะแนนเพิ่มขึ้น เพราะประชาชนส่วนใหญ่ตัดสินใจไปแล้ว การนำเรื่องเก่ามาอภิปรายจึงไม่มีผล ไม่สามารถทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจ หรือเกิดอะไรใหม่ได้