svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ปดิพัทธ์"แฉหลักฐานต้นตอทำ"จ่าคลั่ง"กราดยิงโคราช ย้ำ"3ป."ต้องออกไป

16 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"หมออ๋อง" เปิดหลักฐานทุจริตโครงการบ้านสวัสดิการกำลังพล ต้นเหตุกราดยิงโคราช โชว์แชทไลน์มัดแน่นขบวนการหักหัวคิว มีผู้ใหญ่ ทบ. รู้เรื่องมาก่อนเกิดเหตุ แต่นิ่งเฉย ย้ำไม่แก้เด็ดขาดอาจเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำอีก ย้ำต้องเอา"3 ป."ออกไป เปิดทางปฏิรูปกองทัพ

16 กุมภาพันธ์ 2566 "นายปดิพัทธ์ สันติภาดา" ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวในการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 ถึงหลักฐานรายละเอียดเหตุกราดยิงที่โคราชเมื่อปี 2563 พร้อมชี้ให้เห็นความเพิกเฉยของกองทัพต่อการทุจริต จนนำไปสู่เหตุโศกนาฏกรรม โดยมีสาเหตุหลักมาจากความโกรธแค้นที่ถูกโกงเงินในโครงการซื้อบ้านของกองทัพบก ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นโครงการของกรมสวัสดิการทหารบก

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ ที่ให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการรับรองจากกรมสวัสดิการทหารบกทำโครงการบ้านสำหรับกำลังพล ขออนุมัติกับผู้บังคับบัญชา ยื่นขอกู้เงินจากกรมสวัสดิการทหารบกเพื่อนำไปซื้อบ้าน โดยเมื่อมีการอนุมัติเงินกู้ กำลังพลที่กู้เงินจะต้องไปรับเช็คที่กรมสวัสดิการทหารบก แล้วนำเช็คไปขึ้นเงิน ก่อนนำเงินไปจ่ายให้กับผู้ประกอบการต่อไป

"นายปดิพัทธ์" กล่าวต่อว่า แต่บางขั้นตอนถูกตัดตอนไปด้วยการทุจริต ที่ประกอบด้วยการหักค่าหัวคิว 5% ต่อบ้านทุกหลังของโครงการ และเงินส่วนต่างค่าบ้าน หรือการประเมินราคาบ้านสูงกว่าความเป็นจริง เพื่อให้ผู้กู้ ได้เงินส่วนต่างเอาไปตกแต่งบ้าน หรือเอาไปใช้เพื่อการอื่น ดังนั้น การรับเช็คโดยกำลังพลจึงไม่มีอยู่จริง แต่ดำเนินการผ่านตัวกลาง ซึ่งก็คือ "จ่า ส." สังกัดกรมสวัสดิการทหารบก เป็นผู้รับเช็คแทนผู้กู้ทั้งหมดไป จากนั้นผู้ประกอบการก็จะโอนค่าธรรมเนียม 5% ไปให้คนกลาง บุคคลต่อไป คือ "จ่า ธ." ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลเอกสารข้อมูลของผู้ประกอบการทั้งหมด และจะเป็นผู้โอนเงินก้อนนี้ ไปให้กับ เสธ.เงินกู้

นายปดิพัทธ์ ยังได้นำหลักฐาน เป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์ของ "จ่า ส." พร้อมแชทไลน์ที่คุยกับผู้ประกอบการ "ก้อย" มาเปิดเผยให้เห็นถึงกระบวนการทุจริต พร้อมระบุว่าหากไล่ดูบัญชีในช่วงต่างๆ จะพบสิ่งที่น่าผิดสังเกต ว่านายทหารยศจ่าคนหนึ่งในกองทัพบก มีเงินเดินในบัญชีสูงถึงหลักแสนหรือล้านบาทในแต่ละวัน พร้อมกับการส่งสลิปผ่านทางแชทไลน์ และยังมีภาพของกระดาษจด ที่แจกแจงรายละเอียดค่าต่างๆ ที่ต้องจ่าย

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล

โดยกระบวนการเช่นนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง เสธ.เงินกู้ มาถึง 3 คน ตลอด 9 ปี แต่ระบบก็ยังคงอยู่ ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ หลักฐานที่บ่งชี้ให้เห็นด้วยว่า แม้แต่เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการนี้ และที่น่าตกใจคือแม้แต่คนในระดับที่ใหญ่กว่า เสธ. ก็อาจมีการเรียกรับเงินด้วยเช่นกัน ดังปรากฏหลักฐานเป็นสลิปในแชทไลน์ ที่ "พล.ต. ว" ในขณะนั้นเป็นรองเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็ได้รับเงินเต็มๆ จาก "จ่า ธ." เป็นยอด 100,000 บาท ซึ่งคาดได้ว่าน่าจะเป็นเงินเก็บค่าผ่านงานจากผู้ประกอบการ

 

"แต่แล้วก็มีเหตุผลของโศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช เมื่อมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง คือ "ป้าอนงค์" ซึ่งเป็นทั้งแม่ยายของนายทหาร ที่มีอำนาจอนุมัติให้กู้ และมีความสนิทสนมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน มีบารมี ถึงขั้นทำตัวเป็นนายหน้า เอาบ้านในโครงการของ"ก้อย" ไปเสนอขายให้กับกำลังพลหลายคน แล้วก็ยักยอกเงินส่วนต่างของกำลังพลเหล่านั้นเข้าตัวเอง " นายปดิพัทธ์ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม ต่อมาเมื่อมีการร้องเรียนเกิดขึ้น ก็มีความพยายามนัดพูดคุยให้เรื่องจบภายในห้องที่กรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งมีการอัดคลิปเสียงมาเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า มีการอมเงินค่าส่วนต่างจริง มีบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องและรับรู้ ทั้ง "เสธ.เงินกู้" ไปจนถึง "พล.ต. ว." ผู้ซึ่งมีหลักฐานแชทไลน์บ่งบอกอย่างชัดเจน ว่าได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และจะต้องมีการแก้ไข

 

"นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนเหตุกราดยิงโคราช 25 วัน หากกองทัพบกเพียงไปหยิบแฟ้มงานของป้าอนงค์มาดู ก็จะเห็นได้ว่ามีการโกงค่าส่วนต่างกำลังพลรายใดบ้าง และก็จะได้เห็นชื่อของจ่าคลั่ง เป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น แต่เมื่อกองทัพบกไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงนำไปสู่โศกนาฏกกรรมดังกล่าว " นายปดิพัทธ์ ระบุ 


ส่วนบทสนทนาที่เกิดขึ้นในวันที่มีเหตุการณ์กราดยิงโคราช ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่ามีการรับรู้ถึงกระบวนการอมเงินส่วนต่างค่าบ้านมานาน เป็นเวลาเกือบเดือน แต่ไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้น ถึงขั้นที่ พล.ต. ว. พิมพ์แชท บอกกับก้อย ว่า "เริ่มเป็นไปตามขั้นตอนที่หนูคิดไว้" "ถ้าเชื่อหนูสักนิด คงไม่บานปลายขนาดนี้" "คนอื่นคงไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วย"

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล

หลังเกิดเหตุการณ์ ผบ.ทบ. ก็ได้ออกมาสั่งการให้ยกเลิกโครงการบ้านพักทิ้งไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการขาดทุนเป็นหนี้กันหลายราย รวมถึง "ก้อย" ที่เอาเรื่องการทุจริตไปร้องเรียนต่อ แต่แทนที่จะแก้ไขปัญหา กลับมีความพยายามไกล่เกลี่ยให้จบเรื่อง มีหลักฐานเป็นบันทึกเสียงสนทนา ที่ทำให้เห็นได้ชัด ว่า ผบ.ทบ. ในเวลานั้น คือ "พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้" รู้แล้วว่า "เสธ. ส." รับสินบนจริง แต่ก็ยังเลือกที่จะส่งคนมาเจรจาให้จบเรื่องไม่เอาความ โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้กองทัพเสื่อมเสียชื่อเสียง

ทั้งนี้ ส่งผลให้ "ก้อย" ต้องไปเจรจาไกล่เกลี่ยที่กรมการสารวัตรทหารบก มีการนำเงิน 15 ล้านบาท เตรียมจะมามอบให้ "ก้อย" เพื่อจบเรื่องทั้งหมด แลกกับการเซ็นยอมความว่าเป็นการเข้าใจผิด และไม่ดำเนินการทางกฎหมายหรือทางวินัย แต่ด้วยความที่ "ก้อย" ต้องขาดทุนไปถึง 50 กว่าล้านบาท จึงดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมต่อ นำไปสู่การถูกตามคุกคามหลายครั้ง จนสุดท้ายผลการสอบสวนกลับตัดสินออกมาเพียงให้ "พล.ต. ว." ได้รับโทษงดบำเหน็จปี 2565 ครึ่งปีหลัง และเตรียมโยกย้ายออกจากตำแหน่งตามวงรอบ ขณะที่ "เสธ. ส." ซึ่งเป็น เสธ.เงินกู้ ที่ได้เงินไปหลายร้อยล้านบาท ก็ถูกลงโทษฐานผิดวินัยทหาร เพียงให้กัก 7 วัน และงดโบนัสครึ่งปี

นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจากประเพณีการทุจริตในกองทัพและความปล่อยปละละเลย โดยที่หนึ่งในคนที่ปล่อยให้ประเพณีการทุจริตได้ฝังรากลึกอยู่ในกองทัพตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ก็ย่อมหนีไม่พ้น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นอกจากจะไม่ติดตามเรื่องนี้แล้ว ยังบอกด้วยว่าเป็น “เรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นในทุกองค์กร” ด้วย
 

"วัฒนธรรมการทุจริตในกองทัพแบบนี้ จะทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างจ่าคลั่งอีกกี่คนก็ได้ ที่ไหนก็ได้ มันอาจจะไปเกิดที่ค่ายนเรศวร ค่ายเอกาทศรถ มีกราดยิงที่บิ๊กซีก็ได้ ห่างจากค่ายทหารแค่ 10 นาที ผมเป็น ส.ส.ของชาวพิษณุโลก จะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้น ต้องปฏิรูปกองทัพให้ได้ และเราไม่มีวันปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจ ตราบใดที่ 3 ป.ยังอยู่ เราเห็นคาตาแล้ว 8 ปีนี้ ทหารและตำรวจเลวร้ายขึ้นขนาดไหน ภายใต้ 3 ป. ข้อเสนอสุดท้ายในการอภิปราย คือ ให้ทหารชั้นผู้น้อยและประชาชนทุกคน ลงคะแนนเสียงอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งนี้ เอา 3 ป.ออกไป เปิดประตูสู่การปฏิรูปกองทัพอย่างแท้จริง เอาคนผิดมาเข้ากระบวนยุติธรรมและรับโทษให้สาสมให้ได้"  นายปดิพัทธ์ กล่าว

logoline