svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว

สำรวจพื้นที่ทับซ้อนอุทยานทับลาน ชาวบ้านครบุรีย้ำอยู่มาก่อนประกาศแนวป่านับ 100 ปี ไม่เคยคิดขายให้นายทุน เพราะไม่เหมาะทำการท่องเที่ยวเที่ยว ทำได้แค่การเกษตร อึ้งพบข้อมูลพื้นที่วังน้ำเขียว ที่มีอดีต สส. ครองที่ดิน สปก. 6 - 7 พันไร่

10  กรกฎาคม 2567 ความคืบหน้าปมร้อน กรณีที่ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช" เปิดรับฟังความเห็นในการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ฝั่ง จ.นครราชสีมา -จ.ปราจีนบุรี โดยจะต้องเสียพื้นที่เดิมที่มีอยู่ไปกว่า 265,000 ไร่ ไปเป็นที่ สปก. ทำให้เกิดกระเเสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ กลายเป็นกระแสทำให้ #Saveทับลาน ติดแฮชแท็กอันดับหนึ่ง 

ล่าสุด นักข่าวเนชั่นทีวี ยังคงอยู่ในพื้นที่ ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา หนึ่งในพื้นที่ ที่อยู่ในจุดที่มีประชาชน มีผู้มีส่วนได้เสียกับกรณีดังกล่าว เพื่อทำการสำรวจพื้นที่อีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ทับซ้อนกับเเนวเขตประกาศของอุทยานเเห่งชาติทับลานมากที่สุด 
สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว
 

โดยนายเเดง มงกุฏกิ่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านคุ้มครอง ต.ครบุรีใต้ พาทีมข่าวสำรวจเเนวประกาศของอุทยานเเห่งชาติทับลาน เพื่อให้เห็นภาพความชัดเจน ของหลักเขตที่มาปักไว้ในพื้นที่ชุมชน ซึ่งเเยกไม่ออกว่า ตรงไหน คือ ป่าทับลาน ตรงไหน คือ ชุมชน  โดยเฉพาะจุดเเรก คือ หมู่ที่ 1 บ้านหนองโสน ที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มาร่วมชี้เเนวเขตประกาศ ที่มีหลักเขตประกาศไว้ เเต่เวลานี้ไม่พบเเนวหลักเขตของอุทยานทับลานเเล้ว ซึ่งเมื่อสองเดือนก่อนเเนวประกาศยังคงปักอยู่บริเวณที่พามาสำรวจ สันนิษฐานว่า อาจะถูกไถกลบไป 

นายเเดง บอกว่า หมู่บ้านหนองโสน จัดตั้งหมู่บ้าน ตั้งเเต่ปี 2470 กว่า 100 ปี ประเด็นสำคัญ คือ การมาปักในเขตที่ปัจจุบัน ที่มันเป็นหมู่บ้านชุมชน การประกาศปักเขตตั้งเเต่ปี 2559 ไม่ได้สำรวจเเนวเขตว่าเป็นชุมชน ทำให้เกิดปัญหา ยังเคยถามคนที่มาปักว่า ตรงไหนป่า ตรงไหนชุมชน คนปักยังตอบไม่ได้ ที่ผ่านมาชาวบ้านกังวลว่า พื้นที่อุทยานมาทับซ้อนอย่างนี้ จะทำอย่างไรกันต่อไป หรือ พวกเราก็เตรียมตัวเป็นสัตว์ป่าให้ทางอุทยานคุ้มครอง หากคิดว่าตรงนี้ เป็นป่าที่อยู่ของสัตว์ป่า 
สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว
 

ชาวบ้านครบุรียันไม่มีนายทุนครองที่ดิน ไม่ถึงขั้นทำที่ท่องเที่ยว

เมื่อถามว่า มีความกังวลเรื่องนายทุนต่าง ๆ ผู้ใหญ่แดง กล่าวว่า พื้นที่ส่วนใหญ่เป็น นส.3  ด้านบนเขาเป็นพื้นที่ ภบท. 5 ถ้าจะมีนายทุนมาครอบครองมองว่า คนที่ครอบครองอยู่ ต้องการใช้พื้นที่ทำการเกษตร ยากที่จะขาย นอกจากว่า คนที่ครอบครองเขาไม่ต้องการอยู่ที่นี่เเล้ว อาจมีการซื้อขายเกิดขึ้นได้ เเต่มั่นใจว่า ไม่มีใครจะขายเเล้ว  

ส่วนในพื้นที่มีนักการเมือง เข้ามาถือครอบครองสิทธิ์ที่ดินบ้างหรือไม่ เพราะเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงว่า จะเป็นการเอื้อให้กับกลุ่มคน ที่เกี่ยวข้องในการเมือง ผู้ใหญ่เเดง บอกว่า ในพื้นที่ของตนเองไม่มี มีเเต่ชาวบ้าน เเต่ก็จะมีชาวบ้าน ที่เขามีกำลังในการซื้อ จะซื้อสิทธิ์เพิ่ม เเต่ไม่มีชาวบ้านคนไหน มีที่ดินหลักพันไร่ อย่างตนก็มีที่ดินที่พ่อตาเเม่ยาย ยกไว้เเค่ 8 ไร่ ก็อยู่ในเขตพื้นที่ที่ทับซ้อน 
 

"มันไม่มีป่ามันเป็นพื้นที่ทำกินมาตั้งนาน เเถวนี้เป็นชุมชนหนาเเน่น เป็นหมู่ 13 เเละ หมู่1  ป่าจริง ๆ มันก็มีที่พวกเราดูเเล รักษากันป่ากันอยู่ เเต่มันไม่ใช่ป่าอย่างที่ท่านเห็น" 


สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว

ผู้ใหญ่แดง กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่ ครบุรี - ครบุรีใต้ ศักยภาพยังไม่ถึงขั้นเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ที่นี่เป็นพื้นที่การเกษตรโดยตรง เเหล่งท่องเที่ยวน่าจะเป็นวังน้ำเขียวมากกว่า ที่มีโอโซนบริสุทธิ์ ที่ดีที่สุดติดอันดับ 7 ของโลก ศักยภาพที่ ครบุรี  คือการทำการเกษตร ปลูกมัน ปลูกอ้อย ปลูกข้าวโพด เเต่สิ่งที่กระทบในพื้นที่ทับซ้อน คือ การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไม่ได้สิทธิ์ รวมถึงการเยียวยาเวลาเกิดภัยพิบัติ ภัยเเล้ง น้ำท่วม ภัยเกี่ยวกับพืช จะต้องมีการับรอง ที่นี่เป็นพื้นที่เชิงเขา มีน้ำหลาก 

ชาวบ้านยันไม่ขายที่ นส.3 ให้นายทุน

อีกจุดหนึ่งที่ผู้ใหญ่แดงพาสำรวจ ซึ่งเป็นที่ดินทำกินชาวบ้านมีฝายรับน้ำ มาจากเขื่อนลำมูลบน จึงตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นป่าอุทยานไม่ควรที่ฝายคอนกรีต มีระบบส่งน้ำมา ให้คนในชุมชน ใช้ทำการเกษตร เเสดงว่าจุดนี้คือชุมชน และจุดนี้ก็ไม่พบหลักเขตที่เคยปักไว้ พบเเต่หลักเขตของชลประทาน 

จากการพูดคุยกับชาวบ้าน ที่ทำการเกษตร ทำทำนา มีที่ดิน นส.3 อยู่ 5 ไร่ ซื้อต่อเขามาตั้งเเต่ปี 2533 ปัจจุบันทับซ้อนไปส่วนหนึ่ง เมื่อถามชาวบ้านว่า ถ้ามีคนมาขอซื้อที่ดินต่อจะขายไหม ชาวบ้านยืนยันว่า ไม่ขาย ขายเเล้วจะทำอะไรกิน จะเก็บไว้ให้ลูกหลาน 

วอน ถอน เขตทับซ้อนอุทยาน ให้เป็น สปก.

จุดสุดท้ายที่ผู้ใหญ่เเดงพาขึ้นไปสำรวจ คือ เเนวเขตประกาศที่อุทยานเเห่งชาติทับลาน ประกาศปักเขต ไว้เมื่อปี 2543 เเต่พื้นที่ใกล้เคียงชุมชนนี้ อยู่กันมานานตั้งเต่ปี 2520 เส้นทางที่พาสำรวจ ห่างจากถนนสายหลัก ที่เป็นทางลาดยาง เเละ ชุมชน  3.5 กิโลเมตร เข้ามาทางอ่างเก็บน้ำ บ้านดอนทะยุง หมู่ที่ 3 เทศบาลตำบลครบุรีใต้ พื้นที่ดิน ปลูกมันสัมปะหลัง เป็นส่วนใหญ่  เป็นพื้นที่ ภบท.5 ของกองทัพบก 900 ไร่ ให้ชาวบ้านเช่าทำการเกษตร เดือนละ 1,000 บาท อีกส่วนหนึ่งเป็น นส.3 

ผู้ใหญ่เเดง ชี้ จุดเเนวหลักอุทยานทับลาน เเละพื้นที่ทับซ้อน แสดงให้เห็นชัดเจน ระหว่างเป็นป่าอุทยาน เเละ ที่ทับกิน ป่าจะเป็นต้นไม้สูงใหญ่ ส่วนอีกฝั่งก็จะทำไร่มัน การเกษตร มีบ้านเรือนขึ้นมาปลูก 4 - 5 หลังคา พร้อมกล่าวว่า ในส่วนเขตป่าไม้อุทยานที่เเท้จริง ชาวบ้านจะช่วยกันดูเเล เพราะเป็นเเหล่งอาหาร ทำเเนวกันไฟ  ดูเเลการลักลอบตัดไม้ เเละยังยืนยันทางออกเรื่องนี้ว่า ในพื้นที่ครบุรี ที่มีหลักฐานชัดเจนว่า การประกาศเเนวเขตไม่เป็นธรรม ตรงนี้ชาวบ้านควรจะได้รับสิทธิ์ทำกิน มีการพิสูจน์มาเเล้ว เพราะกฎหมายกรมอุทยานรุนเเรง หากเป็นไปได้อยากให้ผ่อนปรน ให้พ้นจากหลักเขตอุทยาน เเล้วให้ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน หรือ (สปก.) มาบริหารจัดการดีกว่าอยู่ในการควบคุมอุทยาน อย่างน้อยชาวบ้านจะได้สืบทอดต่อให้ลูกหลาน มีความมั่นคงในครอบครัว 
สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว

ส่วนกรณีที่ นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยาน บอกว่า ไม่มีชาวบ้านที่ไหนอยู่มาก่อนป่า มีเเต่ป่าเท่านั้น ที่อยู่มาก่อนชาวบ้าน  มองว่า นายดำรง อาจจะเข้าใจผิด อยากให้ลงมาเห็นเเล้วจะเข้าใจ คนที่ไม่ได้มาอยู่ อาจไม่เข้าใจว่า ป่าคืออะไร ชุมชนคืออะไร เราไม่ได้พูดถึงป่า เเต่กำลังพูดถึงการประกาศเเนวเขต ปี 2524 โดยไม่ได้สำรวจ เเล้ว มาทับซ้อนพื้นที่ของชาวบ้าน อุทยานเรียกว่า "ป่า" เเต่ความจริงไม่ใช่ "ป่า" มันเป็นพื้นทำกินของเกษตรกร จนเรากลายเป็นผู้ละเมิดกฏหมาย ทั้งที่กฎหมายละเมิดเรา ถ้าเป็นไปได้อยากให้รับข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนจะตัดสินว่าส่วนไหนถูกผิด เพราะชาวบ้านราษฎรเขาเดือดร้อนจริง ๆ 
สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว

ปูดมีอดีต สส.ครองที่ดิน สปก. 6 - 7 พันไร่ ที่วังน้ำเขียว

สำหรับการลงพื้นที่ของเนชั่นทีวี นักข่าวได้รับข้อมูลจากเเหล่งข่าวรายหนึ่งว่า มีอดีต สส. นักการเมืองท้องถิ่น ในพื้นที่วังน้ำเขียว นครราชสีมา เข้าไปถือครองที่ดินอย่างผิดกฎหมายหลายพันไร่ โดยครอบครองพื้นที่ สปก.คนละ  6,000 - 7,000 ไร่ ผ่านนอมินี ถือผ่านคนในครอบครัว คนในตระกูล ชาวบ้านในพื้นที่ก็ทราบแต่ไม่พูด เพราะถือครองมาตั้งเเต่แรก ๆ ทั้งในเเถบ อ.วังน้ำเขียว ทับลาน ซึ่งอาชีพเเต่เดิมไม่ได้รับราชการ แต่ซื้อขายที่ดิน มีการครอบครองที่ดินกันเป็นกอบเป็นกำ
สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว

ที่ปรึกษากมธ.ที่ดิน เเนะทางออกข้อพิพาททับลาน

นายอภิศักดิ์ สุขเกษม ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติเเละสิ่งเเวดล้อม เเละ คณะทำงานเครือข่ายเเก้ปัญหาที่ดินของพรรคก้าวไกล จ.นครราชสีมา ให้ความห็นว่า ชาวบ้านที่อยู่มาก่อนอุทยานฯ ควรจะต้องยอมรับ ปัญหาเวลานี้คือ กรมอุทยานฯ ออกมาพูด รณรงค์โดยที่ไม่ได้พูดข้อมูลอย่างรอบด้าน พูดเเค่เพียงว่า พื้นที่ทับลานจะต้องถูกเฉือน เป็นการพูดโน้มน้าวให้คนส่วนใหญ่คล้อยตาม โดยที่ยังทราบข้อมูลไม่ครบ เช่น กรณีของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ ที่ระบุว่า เราต้องเฉือนผืนป่า เเต่วันนี้การลงพื้นที่ของฝ่ายต่างๆ รวมถึงสื่อมวลชน ก็เห็นว่ามันเป็นชุมชน 

ปัญหาคือ เเนวเขตมีปัญหามาตั้งเเต่เรก ทางอุทยานฯ ก็ทราบ เเต่ก็เข้าใจว่า ในเชิงนโยบายกรมอุทยานฯ อยากได้พื้นที่ป่าเพิ่ม ข้อพิพาทล่าสุดจะเห็นว่า นอกจากเป็นโครงการตามมติของ ครม. ที่จะเพิกถอนพื้นที่อุทยานทับลาน  265,000 ไร่เเล้ว กรมอุทยานฯ ยังมีการผนวกพื้นที่ผืนป่าเข้าไปในพื้นที่อุุทยานเเห่งชาติทับลานอีก 165,000 ไร่ บวกลบตัวเลขกันเเล้ว พื้นที่ที่ถูกเพิกถอนจริง ๆ มันมีเเค่ 100,000 กว่าไร่ ตัวเลขที่เพิกถอน มีเเค่ 1 เเสนกว่าไร่ จึงต้องมานั่งคุยกันกับชาวบ้านว่า ที่ทับซ้อน 5 หมื่นกว่าไร่  กับประเด็นที่ 2 ชาวบ้านที่เข้าอยู่ใหม่ อีก 5 หมื่นกว่าไร่ กรมอุทยานยานฯ ป่าไม้ เเละ สปก. จะวางหลักเกณฑ์อย่างไร ให้ครอบคลุม ส่วนกลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มที่เป็นส่วนหนึ่งของคำอธิบายของทับลาน ที่ว่า จะทำให้ที่ดินเสี่ยงตกไปถึงมือของกลุ่มนายทุน  ก็ต้องไปตรวจสอบว่า เขาบุกรุกอย่างไร เช่น บุกรุกไม่มีเอกสารสิทธิ์ ก็ดำเนินการเลย 

2.กรณีที่บุกรุกด้วยการครอบครองเอกสาร สปก.เเต่เดิม ซึ่งทุกวันนี้ สปก.นั่งทำอะไรกันอยู่ ในเมื่อมีหลักเกณฑ์ มีกฎหมายว่า คนที่จะถือที่ดิน สปก.ได้ จะต้องเป็นผู้ยากไร้ เมื่อวันนี้ สปก.เเละกรมอุทยานฯ รับรู้ว่า มีคนกลุ่มนี้อยู่  ทำไมไม่ดำเนินการ เพราะอะไร กลัวอิทธิพล กลัวกลุ่มคนการเมือง ใกล้ชิดนักการเมืองในพื้นที่หรือไม่ 
นายอภิศักดิ์ สุขเกษม ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมธิการที่ดิน (เสื้อสีฟ้า)

ส่วนกรณีที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ที่ให้ที่ดินชาวบ้านไปเเล้ว ก็ต้องไปตรวจสอบว่า เขาใช้ที่ดินผิดประเภทหรือไม่ หากผิดประเภทก็ต้องเพิกถอน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชาวบ้านบุกรุกหรือไม่ ปัญหามันอยู่ที่เจ้าหน้าที่ ในระดับปฏิบัติ ไม่ขยับอะไรเลย

ที่ปรึกษากล่าวอีกว่า ชาวบ้านที่อยุ่ในพื้นที่ทับซ้อนบริเวณนี้ ก่อนจะมีการประกาศอุทยานเเห่งชาติทับลาน ป่าบริเวณนี้เป็นป่าเสื่อมโทรม วังน้ำเขียวในยุคที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปจับจองโดย สปก. เป็นเขาหัวโล้น ถูกตัดไม้หมดเเล้ว ชาวบ้านที่เขาไปอยู่ก่อนส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า มันเป็นข้อมูลเรื่องของความมั่นคง ในยุคสงครามเย็น หมู่บ้านเหล่านี้เป็นหมู่บ้านตามเเพลตฟอร์มของภาครัฐ เพื่อสร้างหมู่บ้านสกัดการเดินทัพพรรคคอมมิวนิสต์เเห่งประเทศไทย  มีจังหวัด สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา มีการตั้งหมู่บ้าน การวางผังเมือง ความมั่นคง เเพลตฟอร์มเดียวกัน มีชุมชน วัด โรงเรียน  อนามัย  บ่อน้ำ มีพื้นที่ทางการเกษตร นำชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกินเข้ามาอยู่ วางชาวบ้านไว้สกัดเส้นทางเดินทัพ เรียกหมู่บ้านว่าหมู่บ้านมั่นคง

พอหมดยุคสงครามเย็น หน่วยงานที่เข้าไปจัดการ ทหารไม่ได้มาดูเเนวเขต เเละ ข้อพิพาท พอหน่วยงานด้านความมั่นคงออก  ป่าไม้ก็เข้ามาดูเเล การจัดสรรคที่ให้ชาวบ้าน สปก.จึงทำมาตั้งเเต่ปี 2521 มีพระราชกษฎีกาตั้งเเต่ปี 2520 จึงมีบางส่วนที่ชาวบ้านเขาอยู่มาก่อน เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย มีจำนวนมากในเขตอำเภอครบุรี เสิงสาง ปัญหา คือ อุทยานทำเเนวเขตในปี 2524 อุทยานไม่มีการสำรวจโดยละเอียด ใช้ภาพถ่ายทางอากาศ ลากเส้น 

พอมาปี 2543 ก็ไม่ได้สำรวจโดยละเอียดอีก ใช้การลากเส้นโดยใช้ดาวเทียม เเละเป็นเเบบนี้ทั่วประเทศ จึงนำไปสู่ข้อพิพาท โดยเฉพาะนครราชสีมา เยอะมาก ทำให้ประชาชนมีข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐ กับกรมอุทยานฯ ในเเนวประกาศเขตแดนปี 2524 อุทยานทับลาน ก็ยังทับซ้อนที่ดินราชพัสดุ ถ้ายึดตามเเนวประกาศปี 2524 ตามที่กรมอุทยานฯ บอก จะเเก้ปัญหาข้อพิพาทที่เกิดนี้อย่างไร
สำรวจพื้นที่ทับป่าทับลาน ชาวครบุรีย้ำไม่เคยคิดขายให้นายทุน ไม่เหมาะทำท่องเที่ยว