svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สำรวจพื้นที่ทับลานถูกเฉือน ชาวบ้านยันอยู่มาก่อน ไม่ใช่ที่อยู่สัตว์ป่า

สำรวจพื้นที่อุทยานทับลานที่ถูกเฉือน ชาวบ้านยันอาศัยอยู่มาก่อน ไม่ใช่ที่อยู่สัตว์ป่า ขอสิทธิ์ที่ควรจะได้ โต้อุทยาน บิดเบือนพูดความจริงไม่หมด ปลุกกระเเสทวงคืนผืนป่า

9 กรกฎาคม 2567 ภายหลังเกิดกระเเสความคิดเห็นต่างกรณีที่ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช" เปิดรับฟังความเห็นในการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ฝั่ง จ.นครราชสีมา -จ.ปราจีนบุรี โดยจะต้องเสียพื้นที่เดิมที่มีอยู่ไปกว่า 265,000 ไร่ ไปเป็นที่ สปก. ทำให้เกิดกระเเสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ กลายเป็นกระแสทำให้ #Saveทับลาน ติดแฮชแท็กอันดับหนึ่ง 

นักข่าวเนชั่นทีวี ลงพื้นที่ อ.ปักธงชัย อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เป็นหนึ่งในพื้นที่ ที่อยู่ในจุดที่มีประชาชน มีผู้มีส่วนได้เสียกับกรณีดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เห็นควรว่า จะมีการพิจารณาเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อให้สิทธิที่ทำกินกับชาวบ้านที่อยู่อาศัยมาก่อนที่ จะมีการประกาศพื้นที่อุทยานทับลาน

สำหรับในพื้นที่ ต.สะเเกราช อ.ปักธงชัย จากการสอบถามผู้นำชุมชนพบว่า มีพื้นที่ที่มีส่วนได้เสีย เเละเป็นผู้ได้รับผลกระทบ คือ บ้านโกรกสำโรง  30-40 หลังคาเรือน  บ้านหนองกะทิ มีทั้งที่ที่ดิน สปก. เเละพื้นที่ทับซ้อนพื้นที่อุทยาน มีพื้นที่ นส.3  บ้านหนองกราด ต.สะเเกราช หมู่ 13 มี 4 ราย ซึ่งมีพื้นที่ดินเจ้าละ 30 กว่าไร่ 
สำรวจพื้นที่ทับลานถูกเฉือน ชาวบ้านยันอยู่มาก่อน ไม่ใช่ที่อยู่สัตว์ป่า
 

ชาวบ้าน หมู่ที่ 13 บ้านโคกไผ่แก้ว ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย ที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า เนื่องจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ตามแผนที่ ปี 2524 ทับซ้อน ที่ดินของราษฎร ในชุมชนเต็ม ๆ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ทำไร่ หรือปลูกสร้างอะไรยาก ทำให้ทำมาหากินลำบาก ต้องยึดตามข้อปฏิบัติของอุทยานฯ จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยให้ยึดตามแนวเขตปี 2543 ส่วนเรื่องเอกสารสิทธิ์ สปก. ก็อยากให้แปรสินทรัพย์เป็นทุนได้ ก็จะเกิดประโยชน์กับชาวบ้านอย่างมาก 

ส่วนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 เปิดเผยว่า ในพื้นที่ได้รับผลกระทบหลายหลังคาเรือน ส่วนใหญ่ก็เป็นพื้นที่ที่เคยอยู่อาศัย บริเวณที่อยู่ไม่ได้มีสัตว์ป่า ช้าง กระทิง เสือ ตามที่กระเเสโซเชียลเป็นห่วง
สำรวจพื้นที่ทับลานถูกเฉือน ชาวบ้านยันอยู่มาก่อน ไม่ใช่ที่อยู่สัตว์ป่า
 

นายเเดง ผู้ใหญ่บ้านคลองยาง ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา หนึ่งในพื้นที่ได้เสีย ซึ่งที่ผ่านมาก็จะช่วยประชาสัมพันธ์ เเละพาชาวบ้านไปร่วมกันรับฟัง เเละทำประชาชาพิจารณ์ เล่าว่า พื้นที่ในหมู่บ้านคลองยาง ครบุรีใต้ เเต่ก่อนยังเป็นพื้นที่ปกติ ยังไม่รู้เลยว่า เป็นที่อุทยานลับลาน จนปี 2559 มีหลักเขตมา ปักหน้าบ้าน ยาวไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร จึงกังวลว่า มาปักเเนวเขตเป็นพื้นที่อุทยาน เเล้วชาวบ้านอยุ่อย่างไร จึงไปหาข้อมูลมทั้ง 4 อำเภอ เสิงสาง วังน้ำเขียว  ครบุรี ปักธงชัย ที่เป็นพื้นที่อุทยานว่า จะหาทางออกอย่างไร

จากนั้นก็มีปัญหาในการทำโครงการต่าง ๆ ที่ได้งบจากมหาดไทย ตำบลละ 5 ล้าน ที่จะดูเเลความยากจนประชาชน จะทำโครงการในพื้นที่ พอเขียนโครงการไปก็ติดปัญหาเป็นพื้นที่อุทยาน จะต้องขออนุญาติกรมอุทยานฯ ใช้เวลานาน ทำให้เสียโอกาสที่จะพัฒนาโครงการพื้นที่ การทำมาหากิน เเม้กระทั่งถนนในหมู่บ้าน เป็นถนนลูกรังจะเปลี่ยนเป็นราดยาง ทั้งที่ไม่ได้อยู่บนป่า บนเขา ก็ทำถนนไม่ได้ เป็นปัญหาโดยรวม

ชาวบ้านจึงรวมกันไปร้องผู้ตรวจการเเผ่นดิน ลงพื้นที่ตรวจสอบ เพราะชุมชนอยู่มาก่อนอุทยานทับลานจะประกาศ จึงได้ข้อสรุปจากหลักฐานชุมชน ทั้งวัด โรงเรียน อยู่มาก่อนที่อุทยานจะออกประกาศเเนวเขต เเละค้นดูประวัติต่าง ๆ กลายเป็นว่า การออกเเนวเขตอุทยาน ไม่ได้ทำตามมาตรา 6 ที่จะต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ว่า พื้นที่ไหนควรเป็นป่าอนุรักษ์ จะต้องสอบเขต ทำเเผนที่เเนบท้ายกฤษฎีกาซึ่งไม่มี 
นายเเดง ผู้ใหญ่บ้านคลองยาง ต.ครบุรีใต้ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา

เเละ ยังอ้างว่าประกาศไปก่อน เเล้วยกเลิกทีหลัง ผู้ตรวจการจึงออกคำวินิจฉัย จนเรื่องถึง ครม. เเละ ครม.ก็เห็นชอบเมื่อ 4 มี.ค. 66 ว่า ให้ใช้เเนวเขต ปี 2543 ที่เกิดจาก ครม.สัญจร ปี 2543 เเละมีมติให้สอบเเนวเขตอุทยานทับลานใหม่ การสำรวจครั้งนั้น ประกอบด้วย ป่าไม้ อุทยาน ชุมชนมีส่วนร่วมในเดินการสำรวจ ก็ได้เป็นเเนวเขตปี 2543 เเละ ก็ยืนยันกันว่า เป็นเเนวเขตที่เหมาะสมเเล้ว

การประกาศเเนวเขตทั้งหมด เป็นการทับซ้อนพื้นที่ทับกินที่อยู่อาศัยของราษฎร ประมาณ 2 เเสนไร่ เเต่ที่ตามที่โซเชียลลงคือ พื้นที่ที่จะถูกเฉือน 265,000 ไร่  เเต่เมื่อมาดูกันเเล้วพื้นที่ที่ประกาศทับที่ชุมชน อยากให้อุทยานเพิกถอน เพราะล้วนเเล้วเป็นพื้นที่ที่ราษฎรอยู่มาก่อน ที่จะมีประกาศเเนวเขตปี 2524 

จนกระทั่งมาถึงขันตอนสุดท้าย วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 ที่มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย ทางอุทยานฯ จึงมีประกาศ ให้ชาวบ้านไปร่วมรับฟัง ซึ่งมีชาวบ้านไปกันเยอะมากจนล้นห้องประชุม กว่า 2 พันคน เฉพาะในพื้นที่ ต.ครบุรีใต้ ก็ 500 - 600 คน 
สำรวจพื้นที่ทับลานถูกเฉือน ชาวบ้านยันอยู่มาก่อน ไม่ใช่ที่อยู่สัตว์ป่า

โดยพื้นที่ที่มีความเกี่ยวกันทับซ้อน มีทั้ง สปก.หลายหมู่บ้าน รวมถึง นส.3 ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยเ เละที่ดินทำกินราษฎรอยู่ กลายเป็นว่า สังคมโซเชียลเข้าใจว่า ผืนป่าจะถูกเฉือนออกไป 265,000 ไร่ จริง ๆ เเล้ว 265,000ไร่ ที่ว่า มันเป็นการประกาศทับเมื่อปี 2524 ซึ่งเป็นที่ดินทำกินของราษฎรเดิม ซึ่งการสำรวจในปี 2543 ก็จะกันออก การสำรวจที่ว่า ส่งผลเอาผืนป่าที่มีอยู่ จากการสำรวจมีเพิ่มขึ้นมาอีก กว่า 1 เเสนกว่าไร่ เเต่กรมอุทยานฯ เเละประชาชนทั่วไปก็ไม่ทราบข้อมูลที่ว่า การยกเลิกผืนป่า การเฉือนป่าทิ้งไป 2 เเสนกว่าไร่ เเต่ที่ได้จากการสำรวจเเนวเขตปี 2543 กว่า 110,000 ไร่ไม่พูดถึงเลย ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นที่ทำกิน เเละที่ราษฎรอาศัยอยู่เดิม ทั้ง สปก. นส.3 

 

หากเปิด Google Maps ดูก็จะเห็นชัดเจนว่า เป็นชุมชนทั้งนั้น ตอนนี้ทางอุทยานพยายามที่จะบิดเบือนเพียงอย่างเดียวว่าเสียผืนป่า เพื่อปลุกระดมคนในประเทศทั้งหมดว่า ไม่ให้ยินยอมในการเสียพื้นที่ผืนป่าของอุทยานทับลานไป ซึ่งจริง ๆเเล้วอุทยานพูดไม่จบ จึงมีความรู้สึกว่า พวกคุณไม่ได้เจออย่างเรา นอนอยู่บ้านเฉย ๆ ก็มีความสุข เเต่พวกเราอยู่ดีดี โดนลากเข้าไปอยู่ในอุทยาน โดยการประกาศเเนวเขตไม่เป็นธรรม 

 

พื้นที่อุทยานที่ถูกกล่าวอ้างเมื่อดูผ่าน Google Maps
พื้นที่อุทยานที่ถูกกล่าวอ้างเมื่อดูผ่าน Google Maps

สิ่งที่เราต้องการให้เปลี่ยนเเปลง หากใครไม่เข้ามาอยู่ตรงนี้จะไม่รุ้ว่า ในพื้นที่เกิดอะไรบ้าง พวกเราไม่มีสิทธิ์อะไรเลย เเม้เเต่จะขึ้นทะเบียนเกษตรกร จะต้องคัดว่า อยู่พื้นที่อะไร เราคนไทยคนหนึ่ง มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เกิดในเมืองไทย เราควรมีสิทธิ์บางสิทธิ์ ที่ควรจะมี พึงจะได้ ให้เราได้บ้าง มันคือสิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ ในพื้นที่ที่มันเกิดปัญหา 

ผู้ใหญ่เเดง  บอกด้วยว่า กระเเสที่เกิดขึ้นทำให้ชาวบ้าน น้อยเนื้อต่ำใจอยากได้ในพื้นที่ เกิดการที่จะยกเลิกเเนวเขตที่ว่า จะต้องผ่านกระบวนการ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่เราพยายามนำข้อมูลไปเสนอต่อผู้ตรวจการณ์ เราทนทุข์อยู่ตรงนี้เยอะ  เช่น ชาววังน้ำเขียวที่เคยโดนคดีความ ทั้งติดคุก ถูกปรับ ทั้งไล่รื้อ จึงเป็นปัญหา เเต่ในครบุรี ยังไม่ถึงขั้นนั้น เเต่เราก็ถูกตัดสิทธิ์ ที่จะไปใช้ประโยชน์ในป่า ที่เดิมเคยใช้อยู่ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่กับป่า ดูเเลป่า
 

อยากจะบอกตรง ๆ ว่า การดูเเลป่าจริงจริง คือ ชุมชน ทั้งทำเเนวกันไฟ ปลูกป่า ถามว่ากรมอุทยาน เองเคยมาทำเเนวกันไฟหรือไม่ มีเเต่ ชาวบ้านในพื้นที่ที่ช่วยกัน โครงการต่าง ๆ เคยลงพื้นที่ไหม มีเเต่ชาวบ้านดูเเลกัน เพราะป่าคือเเหล่งอาหารของพวกเรา จึงอยากวิงวอนตามที่เกิดกระเเสในโชเชียลว่า พวกท่านไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ตัดสินใจไปตามกระเเส ไม่รู้หรอกว่า มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับชาวบ้านบ้าง


สำรวจพื้นที่ทับลานถูกเฉือน ชาวบ้านยันอยู่มาก่อน ไม่ใช่ที่อยู่สัตว์ป่า