svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

รู้จัก"สมรักษ์" จาก"ฮีโร่"สู่คดี"พรากผู้เยาว์" เจ้าของฉายา"ไม่ได้โม้"!!

11 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทำความรู้จัก เปิดเรื่องราวชีวิต 12 ข้อ ของ "สมรักษ์ คำสิงห์" นักสู้ทั้งในชีวิตจริงและบนสังเวียนผ้าใบ จาก"ฮีโร่"สู่ผู้ถูกกล่าวหา"คดีพรากผู้เยาว์" สาว 17 ปี

จากกรณี "สาว 17 ปี" เข้าแจ้งความเอาผิด "สมรักษ์ คำสิงห์" เจ้าของฉายา "ไม่ได้โม้" อดีตนักชกเหรียญทองโอลิมปิกแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ในข้อหาหนัก หลังจากเข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ได้พบกับนักมวยคนดังหลังสถาน บันเทิงปิดเวลาประมาณ 03.00 น. ถูกกระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศในโรงแรมแห่งหนึ่ง

พร้อมกันนี้ได้เปิดเผยข้อมูล ว่าเมื่อถึงห้องพัก สมรักษ์ ลวนลามกระทำอานาจาร มีการกอดจูบ ถอดเสื้อผ้าเปลือยกาย พยายามจะขัดขืนแล้วแต่ไม่สามารถจะสู้แรงได้ มีการนำอวัยวะเพศจนเกิดมีสารคัดหลั่งขึ้น ต่อมาส่งข้อความไปหาเพื่อนให้มารับ โดยได้ถ่ายภาพสมรักษ์ตอนนอนหลับไว้เป็นหลักฐาน 

ขณะที่ สมรักษ์ ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ยืนยันไม่มีการบังคับข่มขู่ และไม่ได้กระทำอย่างที่เป็นข่าว พร้อมทั้งได้โทรศัพท์ไปถึงเหตุผลกับ สาว 17 ปี ว่า "แจ้งความพี่ทำไม?" ตามข่าวที่เสนอไปก่อนหน้านี้
รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!!

สำหรับ "สมรักษ์ คำสิงห์" ถือเป็นยอดมวยของไทย เป็นสุดยอดทั้งมวยไทยและมวยสากลสมัครเล่น "เนชั่นออนไลน์" รวบรวมข้อมูลและประวัติที่น่าสนใจเป็น ข้อๆดังนี้ 

1. "สมรักษ์" เป็นชาวหมู่บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านไผ่ (ปัจจุบันคือ อำเภอบ้านแฮด) จังหวัดขอนแก่น มีชื่อเล่นว่า "บาส" เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2516 ในครอบครัวยากจน เป็นบุตรคนกลาง ในจำนวนลูกทั้ง 3 คน ของ นายแดง และ นางประยูร คำสิงห์ 

2. "สมรักษ์" ปัจจุบันมีชั้นยศ นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. เป็นอดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นและนักการเมืองชาวไทย ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น เขต 11 พรรคพลังประชารัฐ ใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 เขาเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. 2539
รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!!
3. "สมรักษ์" สมรสกับ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ ที่รู้จักกันมาตั้งแต่ทั้งคู่ยังเรียนหนังสืออยู่ที่ขอนแก่น มีบุตรด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นหญิง ชื่อ "เบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์" และบุตรชายคนสุดท้อง "โบ๊ท" นายภูวรักษ์ คำสิงห์ 

4. "สมรักษ์" มีพ่อเป็นนักมวยเก่า ได้รับการฝึกชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ขึ้นชกมวยครั้งแรกขณะอายุได้ 7 ปี ตามเวทีงานวัด จนได้รับการทาบทามจาก "ณรงค์ กองณรงค์" หัวหน้าคณะณรงค์ยิม ชกมวยไทยในชื่อ "สมรักษ์ ณรงค์ยิม" กระทั่งต่อมาย้ายไปอยู่ "ค่ายศิษย์อรัญ" ในเวลาต่อมา
สมรักษ์ สมรสกับ เสาวนีย์ มีบุตรด้วยกัน 2 คน

5. "สมรักษ์" เข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ ได้ไปเรียนที่ โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา โดยชกทั้งมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น สมรักษ์ขึ้นชกมวยไทยในชื่อ "พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ" เมื่อกระดูกมวยแข็งได้ขึ้นชกมวยที่เวทีมาตรฐาน ทั้งเวทีราชดำเนินและเวทีลุมพินี มีโอกาสขึ้นชกกับนักมวยชื่อดังยุคนั้นหลายคน แต่ไม่เคยได้แชมป์มวยไทยของเวทีใด จน พ.ศ. 2538 จึงหันมาเอาดีด้านมวยสากลสมัครเล่นอย่างเดียว โดยค่าตัวสูงสุดในการชกมวยไทยอยู่ที่ราว 180,000 บาท 

6. "สมรักษ์" เริ่มเข้าแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในนามของโรงเรียน เมื่อ พ.ศ. 2528 เมื่ออายุ 12 ปี โดยมีพิกัดน้ำหนัก 52 กิโลกรัม กระทั่งจบ ม.6 จากโรงเรียนผดุงศิษย์ฯ ได้รับการทาบทามจากสโมสรราชนาวี และบรรจุให้เข้ารับราชการในกองทัพเรือ สมรักษ์จึงตอบตกลง จากนั้น สมรักษ์ ประสบความสำเร็จได้ทั้งแชมป์ประเทศไทยและเหรียญทองกีฬาแห่งชาติ
รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!!
7. "สมรักษ์" เข้าสู่ทีมชาติครั้งแรก ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่บาร์เซโลนา ใน พ.ศ. 2535 ในรุ่นเฟเธอร์เวท พ.ศ. 2536 ได้เหรียญทองมวยทหารโลกที่ประเทศอิตาลี แต่ไม่ได้ติดทีมชาติไปแข่งกีฬาซีเกมส์ในปีนั้น เพราะไม่พร้อม ซึ่ง สมรักษ์เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาเป็นครั้งแรก จากการเป็นนักกีฬาไทย ที่ได้เหรียญทองเพียงคนเดียว ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 12 ในปี พ.ศ. 2537 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นเกือบจะถูกตัดสิทธิ์ เพราะตรวจสมรรถภาพร่างกายไม่ผ่านในครั้งแรก (ภายหลังสภาโอลิมปิคเอเชีย ได้กลับคำตัดสิน โดยให้ รัฐพงศ์ ศิริสานนท์ นักว่ายน้ำ ได้ 2 เหรียญทอง)

8.  "สมรักษ์" คือ นักมวยประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดย พ.ศ. 2538 เป็นฮีโร่ คว้าเหรียญทองจากกีฬาซีเกมส์ที่เชียงใหม่ และผ่านการคัดเลือกไปแข่งกีฬาโอลิมปิกรอบสุดท้าย จนสามารถค้าเหรียญทองประวัติศาสตร์ เหรียญแรกของประเทศไทย ได้สำเร็จ โอลิมปิกแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อพ.ศ. 2539 

9. ในวันชกในรอบชิงชนะเลิศ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ในขณะดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานกระเช้าผลไม้มายัง  "สมรักษ์" และทีมงานพร้อมทั้งทรงอวยพรให้ได้รับชัยชนะด้วย โดยการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของ สมรักษ์ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Kamsing Somluck" โดยเจตนาให้มีนัยทางโชคด้วย แต่ผู้บรรยายภาษาอังกฤษอ่านออกเสียงว่า คำซิง สมลุก
รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!!
10. "สมรักษ์" เข้าแข่งขันโอลิมปิก 4 ครั้ง ในการชกรุ่นเฟเธอร์เวท ครั้งแรกโอลิมปิกที่บาร์เซโลนา พ.ศ. 2535 ครั้งที่สองโอลิมปิก ที่แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา คว้าเหรียญทอง เมื่อพ.ศ. 2539  ต่อมาปี 2543 โอลิมปิกที่ ซิดนีย์ และโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์ พ.ศ. 2547 สมรักษไม่ประสบความสำเร็จ โดยโอลิมปิกที่เอเธนส์ ตกรอบแรก จึงประกาศเลิกชกมวยอย่างเด็ดขาด เมื่อ 16 ส.ค.2547

11. "สมรักษ์" ตกเป็นบุคคลล้มละลาย โดยเมื่อปี 2561 ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศเรื่อง ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ และนายสมรักษ์ คำสิงห์ เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย โดย สมรักษ์ ชี้แจง เป็นคดีเก่าที่ค้างคามาหลายทศวรรษปีแล้ว ตั้งแต่สมัยยังคงชกมวยสมัครเล่น เพราะไม่มีรู้เรื่องเอกสารในการประกอบธุรกิจ

12. "สมรักษ์" ตกเป็นข่าวใหญ่อีกครั้งเมื่อปี 2564 เมื่อเข้าแจ้งความว่า ดำเนินคดีสาวใหญ่อ้างเป็นยี่ปั๊วลอตเตอรี่ มีโควตาจำนวนมาก หลอกให้ลงทุนซื้อลอตเตอรี่ขายแล้วเบี้ยวสูญเงินกว่า 11 ล้านบาท ต่อมาเกิดกรณีฆ่ายกครัวของ สจ.ดำ ซึ่งเป็นลูกหนี้ จัดหาลอตเตอรี่ ให้ สมรักษ์ คำสิงห์ 10 ล้านบาท 

ชีวิตของ "สมรักษ์ คำสิงห์" ถือเป็นนักสู้ในทุกสังเวียอย่างแท้จริง ทั้งบนสังเวียนผืนผ้าใบและเวทีชีวิต คงต้องติดตามว่า บทพิสูจน์การต้องเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดี "พรากผู้เยาว์" จะมีบทสรุปอย่างไรกับนักสู้ชีวิตเจ้าของฉายา "ไม่ได้โม้"!!
รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!! รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!!
รู้จัก\"สมรักษ์\" จาก\"ฮีโร่\"สู่คดี\"พรากผู้เยาว์\" เจ้าของฉายา\"ไม่ได้โม้\"!!


 

logoline