
1 ธันวาคม 2566 วงการค้าปลีกแข่งเดือด ทะลุปรอทช่วงส่งท้ายปี 2566 เมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกไทย “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” และ “เซ็นทรัลพัฒนา” ดีเดย์เปิด 3 ห้าง ในช่วงแวเลาท้ายปี 2566 ประกอบด้วย
ก่อนหน้านี้ วันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา “เซ็นทรัลพัฒนา” ปลุกกำลังซื้อ ด้วยศูนย์การค้า “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” (Central Westville) เซมิเอาต์ดอร์-โลว์ คาร์บอน มอลล์ แห่งแรกในเครือเซ็นทรัล ด้วยพื้นที่กว่า 93,000 ตารางเมตร
ขณะที่ วันนี้ (1 ธ.ค.) “ดิ เอ็มสเฟียร์” (The EmSphere) ขนาดพื้นที่ 200,000 ตร.ม. ของ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” คือ จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของ “ดิ เอ็มดิสทริค” (The EmDistrict) ที่ประกอบด้วย ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม,ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ดิ เอ็มสเฟียร์ ที่เปิดให้บริการ และวันที่ 8 ธ.ค.นี้ จะเปิด “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ” เต็มรูปแบบ หลังจากทยอยปรับปรุงเป็นรูปแบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่กลางปี 65
ทำความรู้จัก “ดิ เอ็มสเฟียร์”
ศูนย์การค้า “ดิ เอ็มสเฟียร์” (The Emsphere) ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ สุขุมวิท 24 ในบริเวณพื้นที่ สวนสนุกไดโนซอร์แพลนเน็ต เดิม
ภายในโครงการมีพื้นที่มากถึง 200,000 ตารางเมตร ภายใต้แนวคิด “Future Retail” หรือ ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่เคยหลับใหล ด้วยงบประมาณลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท
การเดินทางที่สะดวกสบายทั้งทางถยนต์และรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีพร้อมพงษ์ จุดเชื่อมต่อ MRT สุขุมวิท ที่สถานีอโศก ซึ่งอยู่ถัดไปเพียง 1 สถานีเท่านั้น ภายในห้างประกอบไปด้วยโซนหลักๆ ดังนี้
รวมทั้งโซนไฮไลท์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิต รวมถึงมีฮอลล์ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้จัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ
เปิด 10 ไฮไลต์ “ดิ เอ็มสเฟียร์”
“ดิ เอ็มสเฟียร์” ดิ เอ็มสเฟียร์ ถูกวางให้เป็น “ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่หลับใหล” เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบครบวงจร อยู่ในทำเลใกล้กันทั้งสามศูนย์การค้า เดินหน้าโครงการ เอ็ม ดิสทริค (EM District) ให้สมบูรณ์มากขึ้น ประกอบไปด้วย ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2547 ขนาดพื้นที่ 200,000 ตร.ม. ต่อมาในปี 2558 กับ ดิ เอ็มควอเทียร์ ขนาดพื้นที่ 250,000 ตร.ม.
สำหรับความโดดเด่น ดิ เอ็มสเฟียร์ มีไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ 10 ด้าน ประกอบด้วย
1. การจัดทำให้เป็น ศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่ไม่หลับใหล (SLEEPESS METROPOLIS) มีมูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท โดยพื้นที่มีร้านเปิดรวม 300 ร้านค้า จำนวนกว่า 1,000 แบรนด์ ซึ่งรวบรวมร้านอาหาร และร้านชื่อดัง ไปจนถึงมีคลับ มาเปิดให้บริการ ซึ่งเปิดให้บริการยาวจนถึงตีสาม ไปจนถึงบางโซนในอนาคตอาจเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
2. การจัดทำพื้นที่ พื้นที่ความบันเทิงกับ UOB LIVE วางเป้าให้เป็น World class arena สำหรับจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต กิจกรรมระดับโลก มีขนาดพื้นที่ 6,000 ที่นั่ง ร่วมยกระดับธุรกิจบันเทิงของไทย
3. การดึงอิเกีย (IKEA) เป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านจาก ประเทศสวีเดน มาเปิดให้บริการในศูนย์การค้าสู่ IKEA สุขุมวิท ขนาด 15,000 ตร.ม. หรือ อยู่ในพื้นที่ชั้นสามทั้งหมด นับเป็นการเปิดในคอนเซ็ปต์ CITY – CENTRE STORE ครั้งแรกในอาเซียนและมีขนาดใหญ่
4. การรวมศูนย์ INTERNATIONAL & LOCAL FOOD MARKET ร้านดังจากทั่วโลก ทั้งร้านสตรีทฟู้ด ไปจนถึง ร้านระดับมิชลินสตาร์ อีกทั้งยังมีไฮไลต์การมี Sky Beach club พื้นที่สังสรรค์แห่งใหม่ และยังมี MEGA Club ขนาดพื้นที่ 2,000 ตร.ม. วางเป้าให้เป็นแหล่ง Hang out & socialize ที่สำคัญในย่านสุขุมวิท
5. การดึงแบรนด์แฟชั่นมาเปิดภายใต้ คอนเซ็ปต์ใหม่ รวมกว่า 40 แบรนด์ ทั้ง United Colors of Benetton จากอิตาลี แบรนด์ UNITED ARROWS และแบรนด์ BEAMS จากประเทศญี่ปุ่น ในสไตล์มินิมอล แบรนด์ CLUB21 LAB รวบรวมสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ดัง ที่มีทั้ง Fear of God ESSENTIALS, TEAM WANG design, ANDERSSON BELL, REST& RECREATION, และ AECA เป็นต้น อีกทั้งมีแบรนด์ไทยทั้ง VINN PATARARIN และ PIPATCHARA เป็นต้น
6. การดึงแบรนด์รถยนต์ดังมาร่วมเปิดโชว์รูม ทั้ง Rolls – Royce, BMW, Landrover, Porsche, Volvo, Hyundai และ AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่สร้างยอดขายเป็นลำดับสามในประเทศจีน เป็นต้น เพื่อเป็นสถานที่โชว์เคสของสุดยอดยนตกรรม
8. การจัดทำจอ LED ที่เป็นแบบ 3 มิติ ขนาดใหญ่แบบเสมือนจริง เป็นครั้งแรกในไทย โดยจะติดตั้งบนศูนย์การค้า เพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในย่านสุขุมวิท
9. การจัดทำ สกายวอร์ค เชื่อมต่อจากรถไฟฟ้า สถานีพร้อมพงษ์ ไปจนถึงศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ โดยเป็นการลงทุนของ เดอะมอลล์ ด้วยงบลงทุน 300 ล้านบาท ทำให้ทั้ง 3 ศูนย์อยู่ติดกับรถไฟฟ้าทั้งหมด และเชื่อมต่อกันผ่านสกายวอร์ค
10. พื้นที่มี 200,000 ตร.ม. ที่มีทั้งศูนย์การค้าและอาคารทาวเวอร์ ได้จัดทำสู่พื้นที่สีเขียว จำนวนมากและมีต้นไม้ขนาดใหญ่ เพื่อร่วมสร้างพื้นที่แห่งความเป็น กรีนใจกลางเมือง และยังเชื่อมต่อไปยัง สวนเบญจสิริ ที่เดอะมอลล์ ได้เข้าไปลงทุนปรับโฉมใหม่ในหลายส่วน ทั้งบริเวณพลุ ลู่วิ่ง และห้องน้ำใหม่ให้ด้วย
ไม่เพียงแต่เงินลงทุนมหาศาลระดับ 20,000 ล้านเท่านั้น นับตั้งแต่เปิดตัว “ดิ เอ็มสเฟียร์” ในวันนี้ (1 ธ.ค.) จะมีกิจกรรมและงานอีเวนต์ตลอดทั้งเดือน ภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศา เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม ประเมินว่า จะดึงดูดลูกค้าเข้ามาในย่านการค้าแห่งนี้ที่รวม 3 ศูนย์ ได้ไม่ต่ำกว่า 1.25-1.50 แสนคน ต่อวัน
การเปิดตัว “ดิ เอ็มสเฟียร์” วันนี้เป็นวันแรก ตรงกับศุกร์ต้นเดือน คาดว่าจะสร้างความคึกคักไม่น้อยทีเดียว!!
ขอบคุณข้อมูล :