svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

28 มีนาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มาทำความรู้จักทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความที่ให้ความช่วยเหลือกับเหยื่อ กล้าเรียกร้องสิทธิ์ เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนทั่วไปและคนดังอีกหลายคนในสังคม 

ชื่อนี้ สุดปังในช่วงเวลานี้จริงๆ!!

"ทนายตั้ม" กลายเป็นอีกหนึ่งชื่อคนดัง ทนายความคนดังที่อยู่กระแสสังคมกับเด็ดข่าวร้อน ไม่พลาดที่จะมีชื่อของ "ทนายษิทรา"

วินาทีนี้ แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักทนายตั้ม หรือนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งเป็นทนายความของลุงพล คดีน้องชมพู่ และยังเป็นทนายที่มีชื่อเสียง จนได้ทำคดีความใหญ่ๆสำคัญอย่าง “หวย 30 ล้าน” หรือคดีที่เป็นที่ฮือฮาอย่างคดี “เอมี่-อาเมเรีย จาคอป” ที่ทำให้ทนายเคยถูกจับกุมมาแล้ว เรียกได้ว่า ทนายตั้มเป็นที่คร่ำหวอดในวงการกฎหมายเลยก็ว่าได้

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เนชั่นออนไลน์ พร้อมแนะนำ ชวนคอข่าวสายออนไลน์ มาทำความรู้จักทนายคนดังคนนี้ ให้ลึกขึ้นอีกสักหน่อย ด้วยความประทับใจในครั้งหนึ่ง "ทนายตั้ม" ได้เผยชีวิตวัยเด็กได้น่าสนใจมากๆ ทีเดียว โดยเขาเคยเปิดใจเล่าว่า

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

"ผมไม่เคยมีความฝันอยากเป็นทนาย และเคยเป็นเด็กเกเรไม่ชอบเรียนหนังสือ"

แล้ววันนี้...เขาคนนี้ ทนายคนดังคนนี้..เดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด

  • ชื่อจริง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด 
  • ชื่อเล่น ตั้ม
  • ชื่อที่รู้จักในวงการทนายและโซเชียล "ทนายตั้ม"
  • ตำแหน่ง : เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน
  • พื้นฐานเป็นชาวอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ครอบครัวมีอาชีพค้าขาย

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>

ด่วน! "ทนายตั้ม" เปิด 6 คำใบ้ คุณสมบัติ"รองนายกฯ"คบชู้

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เผยประวัติด้านการศึกษา

  • จบมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์
  • มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล
  • รัฐศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  • เนติบัณฑิตไทย
  • ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต รุ่นที่ 19 มหาวิทยาลัยเกริก

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เปิดเส้นทางการทำงาน
เริ่มเข้าสู่วงการอาชีพทนายในปี 2547 และเขายังเคยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาช่วยเหลือทางกฎหมาย ตามชุมชนและงานบุญต่างๆ ด้วย รวมไปถึงจัดกิจกรรม พี่สอนน้องให้เป็นคนดีของสังคม ไปตามโรงเรียนต่างๆ เน้นสอนเรื่องใกล้ตัว รักในวัยเรียน การใช้โซเชียลมีเดีย เตือนภัยยาเสพติด และปัญหาเด็กแว้นที่เป็นปัญหาสังคม

  • ทนายความใบอนุญาตเลขที่ 3244/2547
  • ประธานมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน เพื่อเยาวชนและสังคม
  • เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พ.ศ. 2559

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

คดีดังสร้างชื่อให้โด่งดังเปรี้ยงปร้าง!!
 
ทนายตั้ม ชื่อนี้..กลายเป็นที่รู้จักในประเทศไทยนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ในปี 2556 "คดีน้องภัทร" สาวโรงงานที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ถูกรถสิบล้อชนแล้วหนีจนพิการ,
  • ในปี 2557 คดีน้องจีโน่ ที่ถูกวัยรุ่นใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาก่อนหลบหนี จนถึงแก่ความตาย, คดีสองสามีภรรยาที่ระบุว่าถูกตำรวจยัดยาเสพติดก่อนชิงทองและเงินสด,
  • ในปี พ.ศ. 2560 คดีหวย 30 ล้าน โดยช่วยเหลือ ร.ต.ท.จรูญ และครูปรีชา
  • ในปี พ.ศ.2564 คดีน้องชมพู่ และลุงพล นอกจากนั้น ทนายตั้ม ยังได้ช่วยเหลือ สืบสาเหตุคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา จนทำให้เขากลายเป็นที่พูดถึง

รางวัลเกียรติยศ

  • นักกฎหมายดีเด่นปี พ.ศ. 2553
  • คนดีศรีแผ่นดินฯปี พ.ศ. 2557

ครั้งหนึ่ง ทนายตั้ม ได้เปิดใจให้สื่อดังให้แฟนๆ ฟังว่า 

เมื่อก่อนเป็นเด็กเกเรมาก จนต้องเปลี่ยนชื่อตามคำแนะนำของภรรยา (สมัยนั้นยังคบเป็นแฟน) พอเปลี่ยนเป็นชื่อ "ษิทรา" ความประพฤติก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ

"ผมคือเด็กเกเร ไม่เคยตั้งใจเรียน ตอนประถมมัธยมเกรดเฉลี่ยไม่เคยเกิน 2.5 เลย เป็นหัวโจกในโรงเรียน ไม่อยากเข้าแถวตอนเช้า สาเหตุเพราะกลัวโดนตรวจผม ก็เลยนำเพื่อนๆ ไปแอบครู แต่ไม่ชกต่อยนะครับ ผมเป็นเด็กสำอาง ให้เพื่อนไปต่อยแทน เป็นนักวางแผนซะมากกว่า" 

 

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ยอมรับว่า...ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเป็นทนาย

"ผมเลือกเรียนรัฐศาสตร์ตอนอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหงครับ เพราะเคยฝันอยากเป็นตำรวจ (ยิ้ม) หวังว่าเรียนจบมาจะไปสอบตำรวจ แต่ได้รู้จักกับพี่ตำรวจคนหนึ่ง เขาบอกว่า อย่าได้คิดจะมาเป็นตำรวจเลยเพราะงานหนัก ต้องเข้าเวรทั้งวันทั้งคืน ไหนจะต้องรองรับอารมณ์ของชาวบ้านที่เข้ามารับเรื่องร้องทุกข์ชาวบ้านมากมายในแต่ละวัน ผมก็รู้สึกว่ามันหนักไป เลยมาเป็นทนาย ทั้งที่ผมไม่เคยคิดอยากเป็นทนายเลยนะ แต่ที่ไหนได้ ทนายนี่แหละรับเรื่องร้องทุกข์ชาวบ้าน โดนคนด่า หนักกว่าพี่ตำรวจเสียอีกครับ"

ล่าสุด แฉคดีดังสนั่นวงการเมืองไทย..อีกครั้ง!! 

จากกรณี ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า

"ผัวช็อก เจอภาพเมียเป็นชู้กับอดีตรองนายกรัฐมนตรี คุณ ก. มาปรึกษาผมว่าช่วงปีที่ผ่านมาภรรยามีท่าทีเปลี่ยนไป จึงแอบเอาโทรศัพท์มาเช็ค ปรากฎว่าเจอภาพโป๊เปลือยของภรรยา แล้วที่ช็อคยิ่งกว่าคือคนที่ถ่ายรูปคู่เปลือยด้วยกันนั้นคืออดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก จึงมาปรึกษาจะทำอย่างไรต่อไป"


ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้ชาวโซเชียลแห่คอมเมนต์และร่วมแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดร้อนๆ ในวันนี้ (9 ม.ค. 2566) นายษิทรา แถลงว่า

สำหรับเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานเป็นปีอย่างที่มีนักการเมืองบางท่านให้สัมภาษณ์ เหตุมันเกิดเมื่อช่วง ธันวาคม 2565 "คุณ ก." มีภรรยา จดทะเบียนสมรสกัน โดยภรรยาทำงานที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่ง ซึ่งภายหลังมีท่าทีเปลี่ยนไป ก่อนไปเปิดโทรศัพท์ดู กระทั่งเจอข้อความในไลน์ และอะไรอีกหลายอย่างกับผู้ชายอีกคน รวมถึงภาพลับของทั้งคู่ ทำให้ช็อก และเมื่อรู้ว่าชายอีกคนเป็นใครก็ตกใจกว่า เพราะเป็นถึงอดีตรองนายกฯ ซึ่งหากดูจากรูปย้อนหลัง

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ทนายตั้ม เผยอีกว่า

"เหตุนี้น่าจะเกิดตั้งแต่ ต.ค. 65 คุณ ก. จึงมาหาผม ว่าจะทำอะไรได้บ้าง เพราะภรรยาไม่ยอมหย่า ผมจึงแนะนำว่าฟ้องหย่าได้ พร้อมกับอธิบายข้อกฎหมายเพิ่มเติมว่า เคสนี้ไม่ใช่คดีอาญา แต่เป็นเรื่องทางแพ่งที่ใครมายุ่งกับภรรยาของเราที่จดทะเบียนสมรส เราสามารถฟ้องชู้สาว เรียกค่าทดแทนจากภรรยา และคนที่เป็นชู้ รวมถึงฟ้องหย่าได้ จากนั้นก็มีการว่าจ้างกันเป็นทนายความ ผมก็ฟ้องให้แล้ว ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย รวมถึงฟ้องหย่าด้วย"

"ในตอนแรก ก็ไม่ได้คิดว่าจะเอาเรื่องที่มาเป็นข่าว แต่เมื่อ "คุณ ก." ทำการฟ้องแล้ว กลับถูกระรานโดยชายฉกรรจ์ที่ตามมาที่คอนโดฯ นอกจากนั้น เมื่อ "อดีตรองนายกฯ" ท่านนี้ทราบเรื่องแล้ว ก็พยายามที่จะตีตัวออกห่าง "ภรรยาคุณ ก." รวมถึงยังมีการทวงสิ่งของต่างๆ คืน แม้ว่าจะเป็นการให้โดยเสน่หา แต่สุดท้ายก็มีการไปแจ้งความว่า ภรรยา คุณ ก. ยักยอกไป จากนั้นก็มีเหตุให้ไปโรงพักกัน ปรากฏว่าตำรวจมีการแจ้งกับอดีตรองนายกฯ ทำให้มีการนำชายฉกรรจ์มาล้อมที่โรงพัก ทำให้คุณ ก. รู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ร้องเรียนไปที่ รอง ผบ.ตร. แล้วด้วย ทำให้คุณ ก. อยากให้เรื่องนี้เผยแพร่ต่อสื่อฯ เนื่องจากว่า หากเขาเป็นอะไรขึ้นมา จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะเขาไม่มีศัตรูคนอื่น อีกทั้งคนนี้เป็นถึงอดีตรองนายกฯ ควรมีจริยธรรม ไม่ควรมายุ่งกับคนที่มีสามีแล้ว แต่ที่บอกชื่อไปตรงๆ ไม่ได้ รวมถึงไม่ไปเอ่ยถึงพรรค หรืออยู่ในนายกฯ สมัยไหน เพราะเราก็ต้องเซฟตัวเองด้วยเช่นกัน"
 

"นอกจากนี้ อดีตรองนายกฯ คนนี้ เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย แต่จะเกี่ยวข้องยังไงก็ต้องไปทำการบ้านกันต่อด้วย และชอบตีกอล์ฟ รวมถึงไม่มียศทางตำรวจ อายุมากแล้ว ส่วนอักษรย่อ “ย.” ก็แปลความหมายได้หลายอย่าง"

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ทนายตั้ม ทิ้งท้ายอีกว่า

"เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มองได้สองมุมว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ชู้สาว แต่อีกมุมหนึ่ง ผู้กระทำเป็นถึงอดีตรองนายกฯ แต่ในอีก 1-2 เดือนนี้ ก็จะขึ้นศาลแล้ว ลูกความตนมีหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าเขาจะออกมาโกหกอย่างไร ก็ดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือแล้ว แต่คนๆ นี้ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ "พรรคเพื่อไทย" ตั้งแต่ปี 2561 แล้ว และเรื่องนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ออกจากพรรคเพื่อไทยมาแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง"


"อดีตรองนายกรัฐมนตรีอักษรย่อ “ย.ยักษ์” บุคคลดังกล่าวเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ที่ชอบกีฬากอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เพราะออกจากพรรคตั้งแต่ปี 2561 ทั้งนี้จะเคยมีพฤติกรรมลักษณะชู้สาวกับบุคคลอื่นอีกหรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้ แต่กับลูกความตัวเอง ถือว่ามีหลักฐานข้อความแชท รูปภาพครบถ้วนชัดเจน ดังนั้นการที่บุคคลที่รู้ตัวเองอยู่แล้ว ออกมาปฏิเสธ ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ" นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม กล่าวทิ้งท้าย

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ทนายตั้ม หรือ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด โลดแล่นอยูู่ในวงการทนายความมาแล้วเกือบ 20 ปี เขาเริ่มเข้าสู่วงการอาชีพทนายในปี 2547 เริ่มจากการให้คำปรึกษาช่วยเหลือทางกฏหมายให้กับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านกฏหมายฟรี ตามชุมชน งานบุญ และตามโรงเรียนต่าง ๆ ก่อนรวมทีม ในชื่อ “ทีมงานทนายประชาชน”

หลังจากเข้าวงการ 10 ปี ทนายตั้ม เริ่มมีชื่อเสียง ในปี 2556 จากคดีน้องภัทร สาวโรงงานที่ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน ถูกรถสิบล้อชนแล้วหนี จนสาวโรงงานคนดังกล่าวพิการ ต่อมามีทำคดีดังในหน้าสื่ออีกหลายกรณี อาทิ
เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

  • ปี 2557 ทำคดีน้องจีโน่ ถูกวัยรุ่นใช้น้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาก่อนหลบหนี เป็นเหตุให้จีโน่ถึงแก่ความตาย
  • ปี 2559 คดีสามี ภรรยา ชาวจังหวัดสมุทรสงคราม ระบุว่าถูกตำรวจ สภ.บางโทรัด จ. สมุทรสาคร 8 นาย บุกค้นตัวที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนยัดยาเสพติด ชิงสร้อยคอทองคำ และเงินสด
  • ปี 2560 คดีหวย 30 ล้าน โดยช่วยเหลือ ร.ต.ท. จรูญ วิมล ที่ถูก นายปรีชา ใคร่ครวญ ยื่นฟ้องข้อหายักยอกทรัพย์
  • ปี 2560 คดีอ้างสิทธิเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล มูลค่า 30 ล้านบาท
  • ปี 2564 เป็นทนายความให้นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดี “น้องชมพู่” เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่หายตัวไปจากบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ถูกพบว่าเป็นศพอยู่บริเวณภูเหล็กไฟ
  • ปี 2565 ช่วยสืบสาเหตุคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตง โม นิดา
  • ปี 2565 เปิดประเด็นและเป็นทนายผู้เสียหาย กรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจาร
  • ปี 2566 ร่วมเป็นทนาย และเปิดเผยปมชู้สาวกรณีอดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์กับภรรยาผู้อื่น

ชี้แจงเงิน 3 แสน ที่ชูวิทย์โพสต์ภาพใบเสร็จรับเงิน
กระแสร้อนเที่ยวล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมานี่เอง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม แถลงโต้กลับ พร้อมเปิดเผยหลักฐานกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพใบเสร็จรับเงิน 3 แสนบาท ในชื่อของบริษัทนายษิทรา โดยระบุว่าเป็นค่าแถลงข่าวออกสื่อ และกล่าวหาว่านายษิทราเป็นตัวแทนเว็บพนันออนไลน์

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

นายษิทรา กล่าวว่า ย้อนกลับไปปี 2547 หลังเรียนจบเนติบัณฑิตและเป็นทนายความได้ให้คำปรึกษาและให้ความรู้ประชาชนทางกฎหมายโดยไม่เสียเงิน และได้ช่วยเหลือครอบครัวหนึ่งก่อนได้รับคำชมว่า “สมกับเป็นทนายประชาชน” ก่อนจะนำมาทำเสื้อ และตั้งมูลนิธิคอยให้คำปรึกษาและบรรยายข้อกฎหมาย กระทั่งตนมามีชื่อเสียงจากคดีหวย 30 ล้านบาท และคดีของลุงพล ไชยพล วิภา

ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ตนไม่มีงานเลยเป็นเวลา 6 เดือน จนครอบครัวต้องลำบาก ก่อนเปลี่ยนแนวคิดหันมาทำธุรกิจเปิดบริษัทษิทราลอว์เฟิร์ม เป็นเวลา 1 ปี มีคดีความนับพันคดี

นายษิทรากล่าวว่า มีคดีที่เรียกเก็บเงินจริง แต่ไม่ใช่ทุกคดี เว้นแต่เป็นคดีที่ต้องต่อสู้กับผู้มีอิทธิพล ซึ่งลูกความต้องมีกำลังจ่าย และตนจะถูกฟ้องร้องแน่ โดยเงินดังกล่าวจะไปใช้กับทุกคนที่จะถูกฟ้อง ไม่ใช่เพียงตนเท่านั้น เช่น คดีความขัดแย้งในครอบครัว “อดีตรองนายกฯ ย.”

และคดีที่เรียกเก็บเงินคือ คดีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ ที่มีปัญหากับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตนเป็นคนแถลงให้ ต่อมาตนถูกฟ้องร้องอีก 3-4 คดี จำไม่ได้ว่าเรียกเงินไป 3 หรือ 4 แสนบาท ดังนั้น จึงคิดค่าแถลงข่าวและการติดตามเรื่องโดยทำในรูปแบบของใบเสนอราคา

นายษิทรากล่าวอีกว่า ภาพที่นายชูวิทย์โพสต์ (โพสต์ใบเสนอราคา) เป็นเหตุการณ์วันที่ 17 กุมภาพันธ์ มี นายตี้ ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันมาปรึกษาตนว่ามีญาติกดโทรศัพท์ตัวเองโอนเงิน 40 ล้านบาทเข้าเว็บพนัน จึงต้องการให้ตนตามเรื่องกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) แต่เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนายตำรวจใหญ่

จึงเรียกเงินค่าฟ้องร้อง และเก็บเพิ่มอีก 15 เปอร์เซ็นต์ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ตกลงกัน และผู้เสียหายจึงไปพบ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ แทน ทำให้ใบเสนอราคากลายเป็นที่มาของการแฉครั้งนี้ ยืนยันตนไม่ได้ไถเงิน ส่วนคดีอื่นๆ ที่ไม่เก็บเงิน เช่น คดีพอร์ส Yes Indeed ที่ทำผิดสัญญาค่ายเพลง ซึ่งตนก็ถูกฟ้องแต่ไม่ได้เรียกเก็บเงิน

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

“การเรียกเงินของผม ยอมรับเลยว่าแพง แต่ทำไมแพงแล้วคนเยอะ ปีที่ผ่านมามีคนมาปรึกษา 1,500 เคส ผมรับไม่ถึงสิบ แต่ละคดีคิดแพง เพราะผมเอาจริงเอาจัง ถึงไหนถึงกัน จะบอกว่าค่าปรึกษาผม ถ้าคนโทรมาปรึกษาผมคิดตังค์นะ ผมมีลูกน้อง มีบริษัท เดือนนึงบริษัทมีค่าใช้จ่ายเยอะมาก ถ้าโทรมาปรึกษาลูกน้องครั้งนึง 20 นาที 1,000 บาท แต่ถ้าโทรหาผม 20 นาที 1,500 บาท ถ้ามาหาผมที่สำนักงาน 3,000 บาทในการเจอผม คุยกับผมครึ่งชั่วโมง นี่คือวิชาชีพ ผมไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา ไม่ได้ทำอาบอบนวด ผมโปร่งใส"

“ผมเพิ่งเปิดสำนักงานปี 2565 การใช้ชีวิตดีๆ ให้ลูกมีความสุขแล้วผิดไหมล่ะ ผมยอมรับว่าผมมีเงิน การมีเงินคือจะพาลูกเมีย ครอบครัวไปเที่ยว ซื้อของดีๆ ให้เขาใช้ ทำเพื่อครอบครัวผมแล้วผิดไหม ไม่ได้เอาเงินไปเลี้ยงอีหนูนะ ผมทำงานแลกมา ผมเหนื่อย เดือนนึงไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้ง ผมผิดหรือเปล่า"

“พี่ชูวิทย์เล่นประเด็นนี้ โพสต์ทางเฟซบุ๊กชูวิทย์ จริงๆ มันควรเป็นเพจคุณภาพ แต่เอาภาพลูกความผมที่นำใบเสนอราคาให้พี่ชูวิทย์เล่นมาโพสต์ ดูแล้วกระจอกมากเลย ไม่ใช่งานของประเทศชาติแล้ว เพจคุณภาพหายไปแล้ว พี่ชูวิทย์ต้องเล่นเรื่องใหญ่ๆ สิ มาเล่นเรื่องแบบนี้ไร้สาระ ถ้าจะมาตรวจสอบภาษี ษิทราลอว์เฟิร์มถูกต้องหมด ยื่นภาษีทุกเดือน ตรวจสอบได้เลย ผมบอกบัญชี บอกทุกคนว่าทำให้ถูกต้อง” นายษิทราระบุ

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง นายษิทรา ยังยืนยันอีกว่า 

"ไม่ได้เงินจากการแฉเรื่องนายชูวิทย์ รับเงิน 6 ล้านบาท เพียงแต่ทราบข้อมูลมา ทั้งนี้ยืนยันว่าจะยังเรียกเก็บเงินต่อไป เพียงแต่ต้องเปลี่ยนถ้อยคำจาก “ค่าแถลงข่าว” เป็น “ค่าดำเนินการติดตามเรื่องและเงินสำหรับการฟ้องร้อง”

ยืนยันว่าไม่ได้หลอกใช้สื่อและไม่กลัวว่าสื่อไม่มานำเสนอข่าวให้ตัวเอง เพราะที่ผ่านมาพูดกับลูกความแล้วว่าตนเองจะเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด จึงไม่เคยแจ้งสื่อมาก่อนหน้านี้ และหลังจากนี้เวลาแจ้งหมายข่าวจะระบุด้วยว่าคดีไหนได้รับเงินหรือไม่ ที่ผ่านมามีทั้งคนจนและรวยที่มาปรึกษาแต่ไม่ได้เก็บเงินทั้งหมด

โดยการแถลงข่าวชี้แจงของทนายตั้ม ได้เล่าเรื่องราวชีวิตในเส้นทางทนายความของตน ที่มีทั้งช่วงที่ช่วยเหลือประชาชน โดยไม่คิดค่าทนาย จนกระทั่งมีชื่อเสียง และช่วงที่ชื่อเสียงเสียหายจากคดีของลุงพล บางช่วงของการแถลงข่าว ทนายตั้มได้ขอพักชั่วคราว เนื่องจากมีความรู้สึกจุกอก ในช่วงที่ตนเอง ไม่มีงานไม่มีเงิน จนลูกพูดว่า “ป๊ะป๊าทำให้แต่คนอื่น”


ซึ่งช่วงตอนหนึ่งของการแถลงข่าว ทนายตั้มได้ยืนยันถึงความโปร่งใส ในการเรียกเก็บค่าดำเนินการของตน พร้อมย้ำว่าไม่ผิดมรรยาททนายความ และได้กล่าวถึงบุคคลที่สามว่า ตนทราบด้วยว่า มีทนายหญิงคนหนึ่งเก็บเงินค่าออกรายการโหนกระแสถึง 300,000 บาท 

จากนั้น ทนายนิด้า ศรันยา หวังสุขเจริญ จึงได้ออกมาเป็นมวยคู่ใหม่ กับทนายตั้ม โดย ทนายนิด้าได้โพสต์ข้อความ ถามกลับไปยังทนายตั้ม ต่อกรณีที่แถลงข่าว ว่า “พี่ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย พี่ฟังเขาว่า แล้วมาพูดให้ใครสักคนบนโลกนี้ได้รับความเสียหายได้ยังไง” พร้อมอธิบายว่า มีพยานบอกเล่ามาหลังบ้าน ว่าทนายหญิงที่ถูกกล่าวถึงนั้นคือตนเอง 

พร้อมระบุถึงทนายตั้มว่า การแถลงข่าวมักกระทบผู้อื่น เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง 

“วันนี้ประจักษ์แจ้งแล้วว่า พี่ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลย พี่ฟังเขาว่าแล้วมาพูดให้ใครสักคนบนโลกนี้ได้รับความเสียหายได้ยังไง” และตั้งคำถามไปยังทนายตั้มด้วยว่า “พี่เกลียดหนูหรอ”

หลังจากนั้น นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม กรรชัย พิธีกรรายการที่ถูกกล่าวถึง ได้ยืนยันผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า ทางรายการไม่มีการเรียกเก็บเงินคนที่มาออกรายการ อย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าเคยได้ยินผู้ที่มาออกรายการของตน ระบุว่าทนายความเจ้าของคดีที่เป็นผู้พามา เรียกเก็บเงินกับลูกความเป็นค่าพามาออกรายการ แต่ทั้งนี้ไม่ยืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่
 

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ส่องแฟชั่น 'ทนายตั้ม' ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายประชาชนคนดัง กับไลฟ์สไตล์แฟชั่น การแต่งตัวที่เรียบหรู ดูแพง ไม่ธรรมดา!!! 

นายษิทรา ระบุว่า ส่วนเรื่องการเปลี่ยนรูปลักษณ์และรสนิยมการใช้ชีวิตของตัวเองก็เพราะมีฐานะมากขึ้น อยากให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ถือเป็นเรื่องผิดแปลก เพราะตัวเองยืนยันว่าทำธุรกิจโดยสุจริต ยอมรับว่าลูกความเคยมอบของขวัญนอกจากเงินให้เป็นเสื้อราคา 2 หมื่นบาท

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>

ผ่าอาณาจักร “ทนายษิทรา” ลอว์เฟิร์มฯ พบปีล่าสุด กำไร 4.1 แสน

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ผ่าธุรกิจ 'ทนายตั้ม'!! 

เปิดอาณาจักร “ทนายษิทรา”ลอว์เฟิร์มฯ พบปีล่าสุด กำไร 4.1 แสน

จัดไปเลยครับคอข่าว รวมให้ครบ เปิดหมดทุกแห่ง 4 ธุรกิจ “ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด” ลอว์เฟิร์มฯ สำนักงานกฎหมาย ปีล่าสุดรายได้ 1.8 ล้านบาท กำไรจิ๊บ ๆ 4.1 แสนบาท ที่เหลืออีก 3 แห่ง “เลิกกิจการ-ร้าง” ก่อนดราม่าเปิดหน้าชก “ชูวิทย์”

เรียกว่า “มวยถูกคู่” สำหรับ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กับ “เสี่ยชูวิทย์” กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่กำลังเปิดศึก ลากใส้กันนัวเนียในประเด็นการรับเงินจาก “สารวัตรซัว” พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และพนันออนไลน์

ล่าสุด “ทนายตั้ม” ตั้งโต๊ะแถลงประเด็นร้อน หลังจากโดน “เสี่ยชูวิทย์” แฉกลับว่า การแถลงข่าวแต่ละครั้งของเจ้าตัวมีการเรียกเก็บเงินจำนวน 3 แสนบาท โดยยืนยันว่า มีการเรียกเก็บเงินจากการแถลงข่าวจริง เนื่องจากเป็นค่าป้องกันการถูกฟ้องในอนาคต นอกจากนี้เงินดังกล่าวที่ลูกความชนะจากการฟ้องคดี จะได้รับส่วนแบ่ง 15% แต่ไม่ได้บังคับลูกความ โดยที่ผ่านมาเรียกเก็บสูงสุดคือ 3 แสนบาท

โดยก่อนหน้านี้ “ทนายตั้ม” เคยออกโรงแฉ “เสี่ยชูวิทย์” ว่า รับเงินจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่พัวพันกับกลุ่ม “สารวัตรซัว” จำนวน 6 ล้านบาท โดย “เสี่ยชูวิทย์” รีบแจงยืนยันความบริสุทธิ์ นำเงินไปบริจาคโรงพยาบาล 2 แห่ง หมดแล้ว ไม่ได้นำมาใช้แม้แต่บาทเดียว แต่โรงพยาบาลได้รีบนำเงินบริจาคดังกล่าวมาคืน โดย “เสี่ยชูวิทย์” ได้นำเงินก้อนนี้ ไปให้ตำรวจเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

มาดูในส่วน “ทนายษิทรา” กันบ้าง

ข้อมูลจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 พบว่า “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 4 แห่ง ยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ 1 แห่ง ได้แก่ 

บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2561 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 1 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 24 ห้องเลขที่ 2409 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจกิจกรรมทางกฏหมาย มีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เป็นกรรมการรายเดียว

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2565 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ถือหุ้น 45% เท่ากับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภริยา) 45% ที่เหลืออยู่ในชื่อของ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ถือ 10% 

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 118,991 บาท หนี้สินรวม 363,800 บาท มีรายได้รวม 1,807,017 บาท รายจ่ายรวม 1,374,661 บาท เสียภาษีเงินได้ 19,853 บาท กำไรสุทธิ 412,502 บาท

ส่วนธุรกิจ “ทนายตั้ม” ที่เหลืออีก 3 บริษัทพบว่า

บริษัท มอนสเตอร์บายส์ จำกัด ประกอบกิจการจำหน่ายบัตรที่พัก บัตรร้านอาหารและบริการอื่นๆ แจ้ง “เลิกกิจการ”
บริษัท อเมทิส สกินแคร์ จำกัด ประกอบกิจการค้าเครื่องสำอางอุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องใช้เสริมความงาม ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง” เมื่อ 9 มิ.ย. 2560

บริษัท เอสที.อินเตอร์ 2016 จำกัด ประกอบกิจการโรงแรม ถูกนายทะเบียนขีดชื่อว่า “ร้าง” เมื่อ 18 ส.ค. 2564
ทั้งหมดคือข้อมูลในมุมธุรกิจของ “ทนายตั้ม ษิทรา” ก่อนกลับมาสู่แสงสปอร์ตไลท์ทางสังคมอีกครั้ง เมื่อเปิดศึกกับ “เสี่ยชูวิทย์” ในตอนนี้

กำลังเป็นที่สนใจบนโลกโซเชียลอย่างมากสำหรับ 'ทนายตั้ม' นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ จากการที่ได้เดินหน้าออกมาปะทะดุเดือดกับ 'ชูวิทย์' นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กรณีการรับถุงเงินจาก สารวัตรซัว ซึ่งถือว่าเป็นเงินที่ผิดกฎหมาย จนเกิดการแถลงโต้ตอบกันไปมา

ส่องแฟชั่น 'ทนายตั้ม' ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายประชาชนคนดัง กับไลฟ์สไตล์แฟชั่น การแต่งตัวที่เรียบหรู ดูแพง ไม่ธรรมดา!!! 

ร้อนๆๆๆ เมื่อรายงานล่าสุด "นายชูวิทย์" ได้เดินหน้าออกมาโพสต์หลักฐานการรับเงินค่าแถลงคดีของ ทนายตั้ม ที่มีมูลค่าสูงถึง 3 แสนบาทต่อคดี ซึ่ง ทนายตั้ม ก็ออกมายอมรับและบอกถึงเหตุผลที่ต้องเรียกเงินมากขนาดนี้ เพราะต้องสู้กับคดีที่มีความสำคัญและต้องต่อสู้กับผู้มีอิทธิพลมากนั่นเอง

ล่าสุดบนโลกโซเชียลได้เริ่มให้มีความสนใจ ทนายตั้ม มากขึ้น ถึงการใช้ชีวิตที่ดูหรูหรา รวมไปถึงสไตล์การแต่งตัว แฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่เมื่อดูแล้ว ราคารวมทั้งตัวนั้นเกิน หกหลักเลยทีเดียว

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

โดยเพจ iremixbeer ซึ่งเป็นเพจที่นำเสนอเกี่ยวกับ ไลฟ์สไตล์แฟชั่น วิเคราะห์การแต่งตัว เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของเหล่าดารา เซเลป หรือบุคคลที่กำลังเป็นกระแส ซึ่งครั้งนี้ทางเพจได้ทำการวิเคราะห์การแต่งตัวของ ทนายตั้ม มาฝากแฟนคลับเช่นเคย

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเพจก็เคยออกมาบอกว่าเคยเป็นแฟนคลับ ทนายตั้ม มาก่อน พร้อมโพสต์วิเคราะห์เครื่องประดับของทนายตั้ม ที่มักจะสวมใส่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็คือแว่นตานั่นเอง แต่ครั้งนี้เป็น แว่นตาของ LOUIS VUITTON (LV MATCH SUNGLASSES) ราคา 23,xxx บาท 

เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

ล่าสุด ทางเพจ iremixbeer ได้มีการวิเคราะห์เสื้อผ้า และเครื่องประดับ ของ ทนายตั้ม อีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ยกมาทั้งชุด มีดังนี้

  • นาฬิกา PATEX PHILIPPE GENEVE ราคาประมาณ 6,000,000 บาท
  • เสื้อ LOUIS VUITTON ราคาประมาณ 42,500 บาท
  • กางเกง BURBERRY ราคาประมาณ 44,500 บาท
  • เครื่องประดับข้อมือ Caitier JUSTE UN CLOU BRACELET WHITE GOLD   ราคาประมาณ 282,000 บาท
  • เครื่อประดับแหวน Caitier LOVE RING WHITE GOLD ราคาประมาณ 68,500 บาท
  • ถุงเท้า Calvin Klein ราคาประมาณ 600 บาท
  • รองเท้า DIOR ราคาประมาณ 43,000 บาท
     

เรียกว่าทั้งตัวรวมกันเกินหกหลักเลยทีเดียว

ขอบคุณที่มาข้อมูล: เพจ iremixbeer

ส่วนข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเป็นอย่างไร คงต้องรอตำรวจ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ต้องติดตามทุกผลงานของทนายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อ"ษิทรา".. กันต่อไป

ฝากไว้สำหรับ เส้นทางชีวิต ทนายตั้ม ทนายษิทรา ทนายความคนดังในประเทศไทย...วันนี้ !!
เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>

“ชลน่าน” เชื่อ “ทนายตั้ม” แฉ! อดีตรองนายกฯ คบชู้ เพื่อปกป้อง พท.

รู้แล้ว "อดีตรองนายกฯ" คบชู้ อยู่ในสมัยรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์"

logoline