เชื่อว่า นาทีนี้ แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักชื่อนี้ "ทนายตั้ม" หรือ "ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด" ทนายสุดหล่อเจ้าพ่อแฟชั่นแบรนด์เนมในขณะนี้ ที่มีชื่อเสียงมีกระแสให้ได้แฟนข่าว ชาวโซเชียล หรือบรรดาแฟนคลับได้ติดตามอยู่ตลอด เขามักจะปรากฏตัว-และชื่อ อยู่ในคดีใหญ่ คดีดัง ตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา เคยว่าความให้ประชาชาชน ก่อนจะมีชื่อเสียงในคดีดังทั้งในโลกโซเชียล และคลุกวงในกระบวนการยุติธรรม
ทนายษิทรา กระโดดเข้าเป็นทนายในคดีดังสนั่นโซเชียล "ใครเป็นเจ้าของหวย 30 ล้านบาท" ที่อยู่ในหน้าสื่อต่อเนื่องนานนับปี ก่อนจะชี้ว่า ร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ่อพลอย เป็นเจ้าของสลากที่ถูกรางวัล ไม่ใช่ครูปรีชา ใคร่ครวญ ข้าราชการครูชำนาญการ ที่เป็นคนนำสลากไปขึ้นเงินรางวัลจำนวน 30 ล้านบาท
ล่าสุด ทนายษิทรา กระโจนเข้าคลุกคดีใหญ่สะเทือนขวัญวงการการเมือง และวงการธุรกิจสีเทา รวมทั้งพัวพันกับนักธุรกิจระดับประเทศ กลายเป็นปมร้อนแรง ปะทะกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง และเจ้าของธุรกิจโรงแรม ที่เคลื่อนตัวเข้าสู่การแฉนักธุรกิจจีนสีเทา และลามไปถึงหัวหน้าพรรคซึ่งจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ซึ่งเป็นเกมเดิมพันขนานใหญ่ในช่วง เลือกตั้ง 2566
โดยในช่วงก่อนหน้า “ทนายตั้ม” เคยออกโรงแฉ “เสี่ยชูวิทย์” ว่า รับเงินจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่พัวพันกับกลุ่ม “สารวัตรซัว” จำนวน 6 ล้านบาท โดย “เสี่ยชูวิทย์” รีบแจงยืนยันความบริสุทธิ์ นำเงินไปบริจาคโรงพยาบาล 2 แห่ง หมดแล้ว ไม่ได้นำมาใช้แม้แต่บาทเดียว แต่โรงพยาบาลได้รีบนำเงินบริจาคดังกล่าวมาคืน โดย “เสี่ยชูวิทย์” ได้นำเงินก้อนนี้ ไปให้ตำรวจเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป
งานนี้ “มวยถูกคู่” แบบเข้าตากรรมการจริงๆ สำหรับ “ทนายตั้ม” หรือ "ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด" เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กับ “เสี่ยชูวิทย์” กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ที่กำลังเปิดศึก ลากใส้กันนัวเนียในประเด็นการรับเงินจาก “สารวัตรซัว” พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และพนันออนไลน์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>
หลังวานนี้ “ทนายตั้ม” ตั้งโต๊ะแถลงประเด็นร้อน หลังจากโดน “เสี่ยชูวิทย์” แฉกลับว่า การแถลงข่าวแต่ละครั้งของเจ้าตัวมีการเรียกเก็บเงินจำนวน 3 แสนบาท โดยยืนยันว่า มีการเรียกเก็บเงินจากการแถลงข่าวจริง เนื่องจากเป็นค่าป้องกันการถูกฟ้องในอนาคต นอกจากนี้ เงินจำนวนดังกล่าวที่ลูกความชนะจากการฟ้องคดี จะได้รับส่วนแบ่ง 15% แต่ไม่ได้บังคับลูกความ โดยที่ผ่านมาเรียกเก็บสูงสุดคือ 3 แสนบาท!!
ชวนคอข่าวมาจับกระแสจับตาในส่วนของอาณาจักรทนายตั้ม หรือ “ทนายษิทรา” กันสักหน่อย สำรวจทุกความปัง!
#ทนายแฟชั่นแบรนด์เนม #ทนายตั้ม #ทนายดังวันนี้
อ้างอิงชุดข้อมูลมาจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 พบว่า “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” เป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 4 แห่ง ยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ 1 แห่ง ได้แก่
บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2561 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 1 อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้นที่ 24 ห้องเลขที่ 2409 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ประกอบธุรกิจกิจกรรมทางกฏหมาย มีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เป็นกรรมการรายเดียว
นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2565 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ถือหุ้น 45% เท่ากับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภริยา) 45% ที่เหลืออยู่ในชื่อของ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ ถือ 10%
นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2564 มีสินทรัพย์รวม 118,991 บาท หนี้สินรวม 363,800 บาท มีรายได้รวม 1,807,017 บาท รายจ่ายรวม 1,374,661 บาท เสียภาษีเงินได้ 19,853 บาท กำไรสุทธิ 412,502 บาท
ส่วนธุรกิจ “ทนายตั้ม” ที่เหลืออีก 3 บริษัทพบว่า
ทั้งหมดคือชุดข้อมูลในมุมธุรกิจของ “ทนายตั้ม ษิทรา” ก่อนกลับมาสู่แสงสปอร์ตไลท์ทางสังคมอีกครั้ง เมื่อเปิดศึกกับ “เสี่ยชูวิทย์” ในตอนนี้
ส่วนข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเป็นอย่างไร คงต้องรอตำรวจ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>
เปิดข้อบังคับสภาทนายฯ ปมเรียกเงินค่าแถลงข่าวผิด “มรรยาท”?
เปิดประวัติ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากเด็กเกเรสู่ทนายความชื่อดัง
ขอขอบคุณที่มา: กรุงเทพธุรกิจ