
1 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา "ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่" ที่อ้างว่าได้กลับมาดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารงานบุคคลมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.) และคณะกรรมการบริหารงานมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ก.บ.ม.ร.) ที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ก.พ."นายวีระพล ตั้งสุวรรณ" ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ออกประกาศสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง เรื่อง ให้ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และลูกจ้างมหาวิทยาลัยทุกระดับปฏิบัติตามมติของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยแจ้งให้ทุกฝ่ายทราบว่าสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงยังไม่สามารถให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ กลับมาดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้
เนื่องจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้บอกเลิกสัญญาจ้างกับผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ไปแล้วก่อนหน้าที่ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว หาก"ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์" ต้องการกลับมาสู่ตำแหน่งต้องไปใช้สิทธิ์บอกกล่าวตามกฎหมายเพื่อให้ได้รับสถานะการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยรามคำแหง คุณวุฒิปริญญาเอก กลับมา ซึ่งเป็นอีกกรณีหนึ่ง
ทั้งนี้เป็นไปตามคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ยกคำร้องขอของ"ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์" ที่ขอให้ศาลปกครองกลางออกคำสั่ง บังคับการคุ้มครองชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์" และพวกที่อ้างตนเป็นรองอธิการบดี ยังดำเนินการต่าง ๆ โดยอ้างตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำตนเป็นเจ้าพนักงานมาโดยตลอด เช่น ในช่วงงานปริญญาบัตร และล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์เรียกประชุม ก.บ.ม. และ ก.บ.ม.ร.
โดยได้มีการเสนอให้ยกเลิกการสอบวินัยร้ายแรงของผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ทั้งหมด เช่น การปกปิดข้อมูลตัวเองที่ถูกศาลสั่งยึดทรัพย์ในกรณีที่เกี่ยวพันกับนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ,การใช้คุณวุฒิปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจาก ก.พ. สมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยรามคำแหง ,การคัดลอกผลงานตนเอง
โดยที่ประชุม ก.บ.ม. เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ได้มีมติยกเลิกการสอบวินัยร้ายแรงผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ทุกกรณีโดยไม่พิจารณาว่ากระบวนการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว และอาจเป็นปัญหาทางกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนั้น ที่ประชุม ก.บ.ม. ยังได้มีมติยกเลิกหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้า "ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์" โดย "นายนรรถพล แสงขำ" หัวหน้างานวินัย ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า การบอกเลิกสัญญาจ้างที่ผ่านมาอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า 90 วัน
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกต ว่า "นายนรรถพล"ไม่เคยทักท้วงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใดเมื่อมีการบอกเลิกสัญญาจ้าง รวมทั้งนายนรรถพล ยังเป็นเลขานุการคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ ที่พิจารณาคำร้องอุทธรณ์กรณีการเลิกจ้างผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์อีกด้วย โดยคณะกรรมการได้มีมติยกคำอุทธรณ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมา สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ออกประกาศว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ไม่มีสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้วเนื่องจากถูกบอกเลิกจ้าง และหากต้องการสถานะดังกล่าวคืนก็ต้องดำเนินการทวงสิทธิ์ตามช่องทางของกฎหมาย ซึ่งการเลิกจ้างเป็นคนละกรณีกับการถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในการประชุม ก.บ.ม.ร. วันที่ 28 ก.พ. นั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ได้สั่งบรรจุวาระการประชุมวาระที่ 6.17 ตามที่รองศาสตราจารย์ปรัชญา ชุ่มนาเสียว รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยรามคำแหงเสนอตามบันทึกข้อความส่วนราชการ สำนักงานอธิการบดี ที่ อว 0601.01/พิเศษ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เรื่อง ขอทบทวนมติการตรวจสอบวุฒิการศึกษา กรณีจบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ลงนามในวันเดียวกันเสนอต่อที่ประชุมก.บ.ม.ร.
โดยใจความในบันทึกข้อความ ระบุว่า ตามมติที่ประชุม ก.บ.ม.ร. วาระที่ 5.19 ครั้งที่ 37/2565 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ที่ประชุมมีมติให้หน่วยงานดำเนินการตรวจสอบบุคลากรสายวิชาการในสังกัดที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ หากพบว่ารายใดยังไม่ได้รับการตรวจสอบการรับรองวุฒิการศึกษาตามคุณวุฒิที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง มหาวิทยาลัยจะได้ดำเนินการรวบรวมและส่งเรื่องให้ ก.พ. ตรวจสอบต่อไป ประกอบกับหนังสือ กองการเจ้าหน้าที่ งานทะเบียนประวัติ ที่ อว 601.0104.02/150 ลงวันที่ 30 มกราคม2566 เรื่อง ขอให้ดำเนินการตรวจสอบและส่งเอกสารประกอบการขอเทียบวุฒิผู้สำเร็จการศึกษากรณีจบการศึกษาจากต่างประเทศนั้น
ในการนี้ เบื้องต้น พบว่า บุคลากรสายวิซาการในสังกัดหลายแห่งยังมีปัญหาอุปสรรค จากการคันหาข้อมูลย้อนหลังเป็นสิบ ๆ ปี ทำให้ไม่สามารถนำพยานหลักฐานทางเอกสารมาแสดงได้ทันกำหนดระยะเวลา อีกทั้งยังไม่มีแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน จนอาจสร้างภาระให้เกิดขึ้นกับบุคลากรสายวิชาการเกินสมควร เลือกปฏิบัติและสร้างความไม่เสมอภาค
ดังนั้น เพื่อความถูกต้อง โปร่งใส เห็นควรให้มีการดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนของทางราชการตามหนังสือเวียน ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวนี้ อาทิเช่น หนังสือทบวงมหาวิทยาลัย ที่ ทม0202/ว6 ลว 19/08/2538; หนังสือทบวงมหาวิทยาลัย ที่ ทม 1202.02/ว6 ลว 30/06/2542;ประกาศคณะกรรมการอุดมศึกษา เรื่องแนวทางการพิจารณาคุณวุฒิผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากต่างประเทศ พ.ศ. 2549 หนังสือทบวงมหาวิทยาลัย ที่ ทม 0202.2 ลว 10 สิงหาคม/06/2542;และหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1004.3/ว 22 ลว 29/07/2547 เป็นต้น
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำกลับไปพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติให้เป็นรูปแบบเดียวกันและถูกต้องตามแนวทางปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวนี้ใหม่อีกครั้ง จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาหากเห็นชอบ ขอได้โปรดเสนอที่ประชุม ก.บ.ม.ร. พิจารณาทบทวนมติ ก.บ.ม.ร. วาระที่ 5.19 ครั้งที่ 37/2565 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565
อนึ่งที่ผ่านมามหาวิทยาลัยรามคำแหงแจ้งให้สังคมทราบว่าได้เลิกจ้างผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์ ปราบใหญ่ เพราะนำวุฒิการศึกษาปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ) มาสมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง ที่ 0601/2851 ลงวันที่15 พฤศจิกายน 2565 ถึงผู้ช่วยศาสตราจารย์สืบพงษ์เรียบร้อยแล้ว
"ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชาล ทองประยูร" รักษาราชการแทนอธิการบดี ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการทบทวนการตรวจสอบคุณวุฒิการศึกษาว่า "เหตุผลการทบทวนไม่มีน้ำหนักแต่อย่างใด ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการตามแนวทางของเอกสารต่าง ๆ ที่กล่าวอ้าง การอ้างว่าให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร เพราะที่ผ่านมาก็ใช้แนวทางเดียวกันอยู่แล้ว การตรวจสอบอาจสร้างภาระสำหรับอาจารย์หลาย ๆ ท่าน แต่เพื่อความถูกต้อง มหาวิทยาลัยก็ได้อำนวยความสะดวกให้ในหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ไม่ควรลืม คือ การตรวจสอบคุณวุฒิการศึกษาที่เป็นการศึกษาจากต่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เจตนาที่มีการเสนอให้มีการทบทวนในเรื่องดังกล่าวมีเหตุจูงใจมาจากเรื่องอะไร คงไม่ต้องอธิบาย ทำไมต้องกลัวการตรวจสอบด้วย"