svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

"สมศักดิ์"ขยับหมากเลือกตั้ง "พปชร."ชื่นมื่น หรือ เสี่ยงถูกกลืนพรรค?

22 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คำกล่าวของ"สมศักดิ์ เทพสุทิน" ระบุหลังเลือกตั้ง "พลังประชารัฐ"จะได้เป็นรัฐบาล 99.99 เปอร์เซนต์ ท่ามกลางคำถามเหตุใดถึงมั่นใจขนาดนั้น ขณะที่บทบาทของนักการเมืองชนิดเซียนเหยียบเมฆ จะเป็นอย่างไร ติดตามใน "โพลิทิกส์พลัส"

แม้พรรคการเมืองที่เชื่อกันว่า "ได้ร่วมรัฐบาลแน่นอน" ก็ยังส่อเค้าให้เห็นปัญหา เหมือนเมฆดำทะมึนกำลังเคลื่อนเข้ามาปกคลุมพรรค 

 

สถานการณ์ ณ วันนี้ พรรคที่น่าจะได้ชื่อว่า มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลมากที่สุด คือ "พรรคพลังประชารัฐ" 

 

เพราะล่าสุด "สมศักดิ์  เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (แต่หัวหน้าไม่เคยปรึกษา) ยังออกมาย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 99.99% 

 

ทำไมคำยืนยันของสมศักดิ์ จึงสำคัญ? 

 

คำตอบคือ เพราะ"สมศักดิ์" ไม่เคยเลือกผิด  ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน เลือกอยู่ข้างชนะ ข้างรัฐบาลเท่านั้น และเป็นรัฐมนตรีมาทุกสมัย ยกเว้นช่วงโดนตัดสิทธิทางการเมืองจากเหตุการณ์ยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตย เท่านั้นเอง 

 

เมื่อนักข่าวถามเหตุผล "สมศักดิ์" ตอบทีเล่นทีจริงว่า เพราะหัวหน้าพรรค "บิ๊กป้อม" สดที่สุด ดูได้จากเสื้อผ้า 

เหตุผลความมั่นใจของบรรดาพลพรรคพลังประชารัฐ เป็นเพราะ... 

 

1."พลังประชารัฐ" ไม่มีเงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคต่อการร่วมรัฐบาลเลย ไม่ว่าขั้วไหนเป็นใหญ่ หรือชนะเลือกตั้ง หรือได้จัดตั้งรัฐบาลก็ตาม 

 

-"ขั้วบิ๊กตู่"ได้เป็นแกนนำ => อย่างไรเสียต้องตาม "พี่ใหญ่" ไปร่วมค้ำบัลลังก์ เพราะเสียงพลังประชารัฐ + พรรคอื่นในฝั่งเดียวกัน ถึงอย่างไรก็ไม่พอ ไม่น่าจะเกิน 250 เสียง ต้องอาศัย "พี่ใหญ่" อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นอาจมีเสนอโปรโมชั่น "นายกฯครึ่งหลัง 2 ปี" เพื่อล่อใจด้วย 

 

-"ขั้วเพื่อไทย"ได้เป็นแกนนำ => ต้องอาศัย "บิ๊กป้อม" เพื่อการันตีเสียง ส.ว. สายพี่ใหญ่ ให้ร่วมโหวตหนุนนายกฯของเพื่อไทย ให้ได้คะแนนเกิน 376 เสียง จาก 750 เสียง ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 

ดีไม่ดี "เพื่อไทย"คะแนนไม่ขาด อาจเจอ "ฤทธิ์บิ๊กป้อม" ที่มีนักการเมืองเขี้ยวลากดินเต็มพรรค และมี ส.ว.เป็นแต้มต่อ พลิกขึ้นมาเป็น "นายกฯคนที่ 30" เองเลยก็ได้ เพราะ "ผู้กองธรรมนัส" ลั่นวาจาเอาไว้แล้ว ว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ 

 

2.ไซส์ หรือขนาดของ"พลังประชารัฐ" เหมาะกับการดึงไปร่วมรัฐบาล คือประมาณ 30-40 เสียง

 

-ไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไป กล่าวคือ 

ไม่เล็กเกินไป จนทำให้กลายเป็น ส.ส.เบี้ยหัวแตก คำนวณเก้าอี้รัฐมนตรียาก

ไม่ใหญ่เกินไป จนมีอำนาจต่อรองเหนือพรรคแกนนำ (เพื่อไทย) 

 

3. มีข่าว "ดีลลับ" กับ "คนแดนไกล"  ผ่าน "ป.ที่ 4" ขณะเดียวกัน ฝ่ายความมั่นคงก็เชื่อว่า การแยกกันเดิน 2ป. เป็นแค่แผนลวง เดี๋ยวหลังเลือกตั้งก็กลับมา "รวมกันตี"

 

แต่ปัญหาของพลังประชารัฐก็มีเหมือนกัน แม้พรรคจะได้เป็นรัฐบาล แต่วางเกมได้ไม่ดี เผลอๆ ถูกพรรคเพื่อไทย "กลืนพรรค"

 

จับสังเกตจากคำสัมภาษณ์ของ "สมศักดิ์" ซึ่งลีลาการเมือง "เหยียบหิมะไร้รอย" (ไม่ธรรมดา) 

 

-ไม่มีโอกาสเสนอนโยบายของกลุ่มสามมิตร ให้พรรคพลังประชารัฐ 

 

"หากผู้ใหญ่ของพรรคไม่ถาม ไม่สามารถบอกได้ แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้พยายามเรียกประชุมหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งส่วนตัวมีนโยบายที่จะนำเสนอ แต่ต้องรอที่ประชุมเห็นชอบ หากพูดไปก่อนแล้วทำไม่ได้ก็จะเสียคน"

 

ถอดรหัสจากคำพูดของ "สมศักดิ์" ก็คือ อยู่พลังประชารัฐก็จริง แต่ไร้บทบาท 

 

และแท้ที่จริงแล้ว บทบาทของสมศักดิ์ แทบไม่มีเหลือ เนื่องจาก “ส่งออกสมาชิกสามมิตร” ใช้แผน “ดาวกระจาย” ไปพรรคอื่นหมดแล้ว ทั้งเพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติ โดย"สมศักดิ์" ใช้คำว่า “แยกกันไปโต” 

 

วันนี้ "สมศักดิ์" กับ "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" สองแกนนำสามมิตร อยู่พรรคพลังประชารัฐ ถามว่าพรรคได้อะไร 

-เสียโควต้าปาร์ตี้ลิสต์ลำดับต้นๆ ไป 2 ที่ 

-แทบไม่มี ส.ส.เขตเหลือในมือ เพราะ "แยกกันไปโต" หมดแล้ว 

-ส.ส.เขตจำนวนหนึ่ง (โดยเฉพาะสายตรงอย่างเหนือตอนล่าง กลางตอนบน) ส่งไปอยู่เพื่อไทย แถมยังช่วยดูด ส.ส.จากพรรคอื่นส่งให้เพื่อไทยด้วย 

-ปลายทางของ ส.ส.กลุ่มนี้ คือการไปเข้าสังกัด "เจ๊ ด." 

-เป้าหมายฟื้น "กลุ่มวังบัวบาน" ซึ่งเป็นกลุ่มที่รวม ส.ส.เหนือ (และภาค อื่นๆ จำนวนหนึ่ง) ภายใต้การนำของ "เจ๊ ด." เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในยุคไทยรักไทย และมีอำนาจต่อรองในพรรคสูงสุด 

 

หากพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยจริงหลังเลือกตั้ง บทบาทของ "สมศักดิ์" ในฐานะตัวจักรสำคัญของ "วังบัวบาน ภาค 2" อาจขี่บทบาทของแกนนำพลังประชารัฐ หรือแม้แต่ "บิ๊กป้อม" ด้วยซ้ำ เผลอๆ สุดท้ายพลังประชารัฐอาจถูก "กลืนพรรค" กลายเป็นส่วนหนึ่งของเพื่อไทย เพราะบ้านใหญ่ส่วนใหญ่ที่อยู่พลังประชารัฐปัจจุบัน ก็ศิษย์เก่าเพื่อไทย หรือไทยรักไทย และพลังประชนแทบทั้งนั้น 

 

งานนี้ไม่ใช่แค่พลังประชารัฐที่มีปัญหา แต่เพื่อไทยเอง ก็มีโอกาสแยกเป็นมุ้ง เป็นก๊วน ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง เพราะแต่ละกลุ่มก๊วนคิดว่า แลนด์สไลด์แน่ ได้เป็นรัฐบาลแน่ จึงสะสมพลังอำนาจเตรียมเอาไว้ต่อรองตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง (เช่น อุ๊งอิ๊งค์ ก็พยายามสร้างทีมของตนเอง โดยคัดเลือกผู้สมัครบางพื้นที่เอง เป็นต้น ขณะที่ "เจ๊ ด." ก็สร้างกลุ่มล่วงหน้าผ่านคุณสมศักดิ์) 

 

นี่คือโจทย์ยาก แม้เป็นโจทย์หลังเลือกตั้ง แต่อาจจะส่งผลสะเทือนตั้งแต่ก่อนหย่อนบัตรเลยก็เป็นได้

logoline